บทนำ : วิถีใหม่

วันที่ 3 มิถุนายน 2566 - 06:09 น.

ถือว่าพลังใจของพรรคก้าวไกลมีมากเหลือล้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับข้อวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ มากมายหลังจากที่ชนะการเลือกตั้ง จำนวน ส.ส.ที่ได้มา 151 เสียง ยังคงเป็นเกราะป้องกันตัวของพรรคก้าวไกลและเป็นเสมือนใบเบิกทางให้พรรคก้าวไกลผลักดันการเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในประเทศ เริ่มต้นจากการดึงพรรคที่ยึดมั่นในประชาธิปไตยเป็นพวก โดยได้รวบรวมพรรคการเมืองที่เคยอยู่ฝ่ายค้านด้วยกันมา และพรรคการเมืองใหม่ที่มีแนวนโยบายไม่ขัดแย้งได้ 312 เสียง สร้างความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล

แม้เสียง ส.ส.ที่พรรคก้าวไกลจะต่างจากพรรคเพื่อไทย 10 เสียง ทำให้การต่อรองเก้าอี้ทางการเมืองอาจมีปัญหา แต่แทนที่พรรคก้าวไกลจะใช้วิธีแบ่งโควต้า กลับใช้วิธีการลงนามเอ็มโอยู กำหนดภารกิจที่ต้องทำร่วมกันก่อนจะจัดสรรกระทรวงและตำแหน่งรัฐมนตรีที่จะเข้ามาทำงานตามนโยบาย ขณะที่พรรคเพื่อไทยมองเก้าอี้ประธานสภาว่าเป็นตำแหน่งแห่งศักดิ์ศรีของพรรค เมื่อพรรคก้าวไกลได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปแล้ว พรรคเพื่อไทยก็สมควรได้ครองประมุขฝ่ายนิติบัญญัติ แต่พรรคก้าวไกลได้แย้งโดยยกเอาภารกิจที่ต้องตอบสนองนโยบายที่จะนำเสนอกฎหมายและความต้องการปรับปรุงการทำงานของสภา ซึ่งยังตรึงอยู่กับภารกิจการเปลี่ยนแปลงประเทศตามที่สัญญาประชาชนไว้

แม้อนาคตของนายพิธาบนเส้นทางการเมืองจะไม่มั่นคง เพราะมีคำร้องเกี่ยวกับการถือหุ้นสื่อไอทีวี แต่ดูเหมือนว่านายพิธายังเดินหน้าเรียกขานตัวเองว่าเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ขณะเดียวกันการจัดตั้งคณะกรรมการประสานงานเพื่อการเปลี่ยนผ่านก็หมายความถึงการเริ่มทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลชุดใหม่ การกระทำดังกล่าวอาจทำให้รัฐบาลชุดปัจจุบันรู้สึกขัดเคือง ดั่งที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกรัฐมนตรีให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน แต่พรรคก้าวไกลก็ยังยืนยันที่จะดำเนินการตามภารกิจ โดยมีแผนรุกคืบด้วยการตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาต่างๆ จำนวน 7 คณะ

แม้ขณะนี้ กกต.จะยังไม่รับรองผลการเลือกตั้ง และการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจะยังไม่ถึงเวลา แต่สิ่งที่พรรคก้าวไกลนำพาอีก 7 พรรคการเมืองกำลังทำคือเริ่มต้นทำงานตามเอ็มโอยูซึ่งถอดมาจากนโยบายหาเสียงของแต่ละพรรคการเมืองทันที ถือเป็นการดำเนินการที่ใช้การบริหารนำความอาวุโส และยกเอานโยบายที่สัญญากับประชาชนมาไว้เหนือกว่าโควต้าตำแหน่งทางการเมือง พรรคก้าวไกลขับเคลื่อนเดินหน้าด้วยวิถีทางการเมืองแบบใหม่เช่นนี้ เพื่อรักษาศรัทธาที่ประชาชนมอบให้ แม้ว่าในที่สุดอาจจะไม่ได้เป็นนายกฯ หรือพลาดโอกาสเป็นรัฐบาล แต่ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจทางการเมืองของประชาชนต่อไป