พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : เส้นทาง อำนาจ ราด‘เลือด’ 2 รายทาง การทหาร ‘ชี้นำ’

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : เส้นทาง อำนาจ ราด‘เลือด’ 2 รายทาง การทหาร ‘ชี้นำ’

พลันที่ฮั่นอ๋องยอมรับหานซิ่นและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเป็น “แม่ทัพ” คุมกำลังทหารตามคำชี้แนะของจางเหลียง
ประสานกับการหนุนเสริมอย่างเต็มเรี่ยวแรงของเซียวเหอ
“องค์ประกอบ” ภายในของ “ฮั่นก๊ก” ก็มีความสมบูรณ์ ไม่ว่าจะมองผ่านเซียวเหอ ไม่ว่าจะมองผ่านจางเหลียง ไม่ว่าจะมองผ่านหานซิ่น
ภายใต้การนำของฮั่นอ๋อง
เป็นความสมบูรณ์ตามแต่ละองค์ประกอบที่กำหนดขึ้นในความจัดเจนของจางเหลียง ผ่านความเห็นชอบของเซียวเหอ หานซิ่น
ทุกอย่างดำเนินไปในท่วงทำนอง “อรหันต์” ย่อมรู้ใน “อรหันต์”
ทุกอย่างจึงดำเนินไปบนพื้นฐานแห่งการรักษา “ความลับ” อย่างเคร่งครัดภายใต้ข้อตกลงบนพื้นฐานแห่ง “วินัยเหล็ก”
เพราะผลประโยชน์ “ร่วม” คือ การหวนกลับไปพิชิตเสียนหยาง

ต้องยอมรับว่าเส้นทางเดินทัพในการหวนกลับเพื่อพิชิตเสียนหยางเป็นความรับรู้เฉพาะกลุ่มเล็กๆ เฉพาะคนในก๊กฮั่น ณ เมืองโปต๋ง
ข้อมูล “มูลฐานอันเป็นจุดเริ่มต้น” เป็นอย่างไร
ในความเข้าใจทั่วไป รับรู้กันว่าจางเหลียงเป็นคนวางแผนระเบิดสะพาน เผาป่า ทำลายเส้นทางสำคัญ
นี่ย่อมเป็น “กลยุทธ์” ซึ่งสะท้อนลักษณะ “2 ด้าน”
ด้านหนึ่ง สร้างความเข้าใจว่าฮั่นอ๋องตัดขาดการหวนกลับมายังกวนจงโดยสิ้นเชิง
ปักหลักยึดครองโปต๋งอย่างมั่นแน่ว
ด้านหนึ่ง สร้างความอุ่นใจให้กับฌ้อปาอ๋องว่า ฮั่นอ๋องมิได้เป็นภัยคุกคาม นำไปสู่การดูแคลนหนักหน่วงเป็นทวีคูณ ย่อมคลายความระมัดระวัง
มองข้ามฮั่นอ๋อง มองข้ามโปต๋ง

การทุกอย่างในเมืองโปต๋งจึงดำเนินไปอย่างเป็นธรรมชาติ บนฐานแห่งความวางใจว่าจางเหลียงได้ขบคิดวางแผนเอาไว้แล้ว
ฮั่นอ๋องเองก็ไม่มีคำตอบ เซียวเหอเองก็ไม่มีคำตอบ
ทั้งสองร่วมกันปกครองและบริหารราชการแผ่นดิน ณ เมืองโปต๋ง ด้วยความเชื่อมั่นในตัวจางเหลียงอย่างเต็มเปี่ยม
“ความลับ” จึงดำรง “ความลับ” อยู่บนฐานแห่งความไม่รู้
อย่าได้แปลกใจ เมื่อหานซิ่นฝึกทหารและตั้งยุทธศาสตร์บนเส้นทางที่จะยาตราทัพจึงกลายเป็นประเด็น
มองว่าแนวของหานซิ่นอาจล้ำหน้า
ยุทธนิยายเรื่อง “ไซ่ฮั่น” สำนวนแปลฉบับวังหลัง เน้นให้เห็นถึงข้อสงสัยของบรรดาขุนนางที่แวดล้อมอยู่โดยรอบพระเจ้าฮั่นอ๋อง
จำเป็นต้องศึกษา จำเป็นต้องทำความเข้าใจ

ฝ่ายขุนนางซึ่งเฝ้าอยู่โดยรอบชวนกันทูลว่า “ซึ่งหานซิ่นจะเชิญเสด็จยกทัพหลวงไปทางใดก็ไม่ทราบ ข้าพเจ้าสงสัยนัก”
พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟัง ไม่ตรัสประการใด
เสด็จเข้าข้างในเรียกเซียวเหอเข้าไปสั่งว่า “ท่านไปพูดกับหานซิ่นดูให้รู้แน่ว่าจะยกทัพไปทางไหนเรายังฉงนอยู่”
เป็นอันแม้กระทั่งพระเจ้าฮั่นอ๋องก็ยังฉงน
เป็นอันแม้กระทั่งเซียวเหอ ซึ่งดำรงอยู่ในสถานะแห่งสมุหนายกก๊กฮั่นก็ยังฉงนเช่นเดียวกัน
ชัดเจนว่ามีแต่หานซิ่นเท่านั้นที่มี “คำตอบ”
ได้ฟังรับสั่งดังนั้น เซียวเหอก็คำนับลาออกไปในเวลากลางคืนถึงที่อยู่หานซิ่น คนใช้เห็นจึงรีบไปบอกหานซิ่น
การพบระหว่างเซียวเหอกับหานซิ่นคืนนี้จึงสำคัญ
ครั้นหานซิ่นรู้ว่าเซียวเหอเดินทางมาด้วยตนเอง ก็ออกมาต้อนรับเชิญเข้าไปและให้นั่งในที่อันสมควร
เซียวเหอกระซิบถามว่า
“ท่านเข้าไปเฝ้าทูลพระเจ้าฮั่นอ๋องให้ยกกองทัพ พระเจ้าฮั่นอ๋องสงสัยพระทัยนักว่าจะไปทางใด
จึงให้เรามาถามท่าน”
หานซิ่นจึงบอกว่า “เมื่อจางเหลียงเผาจั๋นโตเสียนั้น ครั้นข้าพเจ้าพบจางเหลียง จางเหลียงบอกข้าพเจ้าว่าก็รู้อยู่
เหตุใดท่านกลับมาถามหนทางอีกเล่า
ข้าพเจ้าแสร้งให้ไปทำทางจั๋นโต๋ไว้ โดยอุบายหมายจะให้จังหานระวังแต่ทางเดียว”
เหมือนจะหลอกทางด้านเสียนหยาง แต่ก็ต้องระวังทางด้านโปต๋งด้วย

Advertisement

ความนัยจากหานซิ่นจึงเริ่มชัดเจน “อันทางที่ข้าพเจ้าจะเชิญเสด็จพระเจ้าฮั่นอ๋องไปนั้นเป็นทางน้อยตำบลดินฉอง
ทางอันนี้มีในแผนที่ที่จางเหลียงให้มา
ท่านจงทูลให้ทราบ อย่าได้ทรงพระวิตกไปเลย ข้าพเจ้าจะตีด่านกวนจงและเมืองเสียนหยางถวายให้ได้โดยง่าย”
นี่คือคำมั่นหานซิ่น นี่คือเส้นทางที่จางเหลียงชี้นำ
เซียวเหอได้ฟังดังนั้นมีความยินดียิ่งนัก เมื่อกลับไปเฝ้าก็กระซิบทูลพระเจ้าฮั่นอ๋องตามคำของหานซิ่นบอกทุกประการ
พระเจ้าฮั่นอ๋องได้ทราบก็ดีพระทัยยิ่งนัก
ทุกอย่างดำเนินไปตามขนบแห่งนิยาย สะท้อนท่วงทำนองซึ่งเป็นความนิยมในการเขียนที่แอบอิงอยู่กับรหัสนัยบางรหัสนัย
ทั้งในทาง “ความคิด” ทั้งในทาง “การเมือง”

การครั้งนี้จำเป็นต้องย้อนกลับเมื่อแรกที่หานซิ่นเดินทางมายังเมืองโปต๋งตามคำชี้แนะของจางเหลียง เมื่อพ้นตำบลดินฉองและเขียนเป็นเพลงติดไว้ที่ผนังเรือนแรม
ทางจะมาเขาสูงนี้เดินยากแสนกันดาร
ล้วนห้วยเหว ลุ่มดอน สุดที่จะบรรยาย หวายเป็นเซิงพัวพันกันไป ถ้าลิงแลกระต่ายจะอาศัยแสงพระอาทิตย์ก็ปิดบังทั้งคนก็ไม่เห็น
ด้วยภูเขาก็สูงนัก ถ้าจะแลให้ตลอดก็ยากเหลือที่จะนับสลับกันกว่าหมื่นเส้น
ถ้าจะเดินไปต้องอาศัยเถาวัลย์เหนี่ยว กว่าจะลงมาได้ต้องหิวโหย หิวหอบเพียงจะสินกำลัง แม้ไต่ตามภูเขามาถึงหนทาง 2 แพร่ง ไม่รู้ที่จะไป สุดที่จะไต่ถามหนทาง
ครั้นเดินมาพอเห็นคนเก็บฟืน หยุดม้าอยู่แล้วร้องถามทางจะไปเมืองโปต๋ง
ผู้ตัดฟืนจึงชี้ทางบอกให้ เราเอาแผนที่ออกสอบก็ต้องตามตำรับ จึงสำคัญว่าจางเหลียงรักโดยสุจริต นึกถึงผู้มีคุณจะแทนคุณ สงสารนัก
ด้วยเราคิดว่าทหารเมืองฌ้อจะตามมาพบผู้ตัดฟืน
เกลือกจะถามได้ความแล้วจะรีบมาทันเข้าฆ่าฟันดังโทษโจร นึกกลัวความยิ่งนักจึงกลับไปฆ่าผู้บอกหนทางปรารถนาจะให้กลบรอย
ท่านอยู่ก็จะได้แต่เก็บฟืนเท่านั้น
แม้นชีวิตเรายังอยู่ไปเบื้องหน้านั้นจะได้เป็นแขนซ้าย ขวาของฮ่องเต้ ถ้าสมคิดจะได้บังคับ
คนนับหมื่นแสน

เป็นบทเพลงอันยอมรับในความเที่ยงตรงของแผนที่ เป็นบทเพลงอันจำใจต้องสังหารคนเก็บฟืนเพื่อกลบร่องรอย
ร่องรอยที่จะหวนกลับเพื่อยึดเสียนหยาง ยึดกวนจง
เป็นปฏิบัติการครั้งแรกของหานซิ่น เป็นการรุกคืบบนเส้นทางไปสู่อำนาจของฮั่นอ๋อง
จ่อปลายทวนไปยังฌ้อปาอ๋อง

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image