พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ถาม ‘จริยธรรม’ จาก หานซิ่น ถึง โจโฉ รากฐาน การฆ่า

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ถาม ‘จริยธรรม’ จาก หานซิ่น ถึง โจโฉ รากฐาน การฆ่า

ความเหี้ยมหาญอย่างที่หานซิ่นกระทำต่อคนตัดฟืนครั้งนี้ท้าทายต่อมโนธรรมสำนึกอย่างลึกซึ้ง
อาจเป็นการตัดสินใจในทาง “ยุทธศาสตร์”
1 เพราะมีเป้าหมายทาง “การทหาร” ที่ยิ่งใหญ่มากกว่า ขณะเดียวกัน 1 เพราะความรับรู้ของคนตัดฟืนอาจกลายเป็น “ปัญหา”
นั่นก็คือมิได้ดำรงอยู่อย่างเป็น “ความลับ”
เป็นความลับอันกำหนดเอาไว้โดยจางเหลียง เป็นความลับที่หานซิ่นรับมอบมาจากจางเหลียงอีกทอดหนึ่ง
นี่ย่อมเป็น “เส้นทาง” ในการ “เดินทัพ”
ความลับนี้จึงดำรงอยู่อย่างเป็นผลประโยชน์ในทาง “ยุทธศาสตร์” ของฮั่นเพื่อนำไปสู่การหวนกลับจงหยวน
ชีวิตของคนตัดฟืนจึงจำเป็นต้องพลี

อย่าได้แปลกใจหากกระบวนการตัดสินใจในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อเรียบเรียงยุทธนิยายเรื่อง “สามก๊ก” หลอกว้านจงก็สอดสวมเข้ากับการตัดสินใจของโจโฉ
นั่นเป็นตอนที่โจโฉคิด “ลอบสังหาร” ตั๋งโต๊ะ แล้วล้มเหลว
ต้องรีบหนีออกจากเมืองหลวง ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชีวิตรอด เพราะว่าทางการได้เผยแพร่ภาพเหมือนของโจโฉไปทุกสี่มุมเมือง
ครั้นหนีออกจากเมืองหลวงได้ก็มุ่งไปทางเมืองเจียวจวิ้น
เส้นทางผ่านอำเภอจงพวน ทหารรักษาด่านเห็นรูปร่างเหมือนโจโฉเหมือนรูปภาพที่ทางการประกาศจับ
จึงนำตัวส่งให้นายอำเภอ
บังเอิญนายอำเภอเป็นตันก๋งซึ่งไม่พอใจสภาพการณ์ที่ตั๋งโต๊ะครองอำนาจอยู่แล้วจึงเห็นอกเห็นใจและกลายเป็นพวกเดียวกับโจโฉ
หากอ่านสำนวนแปล เจ้าพระยาพระคลัง (หน) ก็จะพบสถานการณ์

ครั้นมาได้ 3 วันถึงบ้านแห่งหนึ่ง โจโฉจึงบอกตันก๋งว่า “บ้านนี้เกลอของบิดาชื่อแปะเฉียเราจะเข้าไปอาศัยนอนจะได้ถามเหตุการณ์ทั้งปวงด้วย
แล้วโจโฉก็พาตันก๋งเข้าไปหาแปะเฉีย
แปะเฉียเห็นโจโฉจึงบอกว่า “บัดนี้มีหนังสือรับสั่งมาแต่เมืองหลวงว่าให้จับตัวท่านส่งขึ้นไป แลโจโก๋บิดาของท่านก็หนีออกไปอยู่เมืองตันลิวแล้ว”
โจโฉจึงเล่าเนื้อความแต่หนหลังให้แปะเฉียฟังสิ้นแล้วว่า
“ตันก๋งคนนี้เป็นเจ้าเมืองจงพวน ละราชการเสียมาคิดการกับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจีงรอดชีวิตเพราะตันก๋ง”
แปะเฉียได้ฟังดังนั้นจึงว่าแก่ตันก๋ง
“ท่านมีกตัญญูต่อแผ่นดิน ถ้ามิได้ท่านโจโฉก็ตาย ท่านจงพากันนอนอยู่ที่นี่เถิด ต่อเวลาพรุ่งนี้เช้าจึงค่อยไป”
เหตุการณ์ต่อจากนี้ “หลอกว้านจง” เรียบเรียงว่า

แล้วแปะเฉียก็เข้าไปในเรือน สั่งแก่พ่อครัวว่า “ให้ทำสุกรแลไก่” แล้วก็กลับมาบอกแก่โจโฉว่า “สุราเรือนนี้ไม่มีดี เราจะไปจัดหาสุราที่ดีมาให้กิน” ว่าแล้วก็ไป
ฝ่ายพ่อครัวจึงถามกันว่า “เราจะมัดก่อนหรือจะฆ่าทีเดียว”
โจโฉได้ยินดังนั้นก็กริ่งใจจึงปรึกษากับตันก๋งว่า “แปะเฉียนี้เป็นแต่เกลอของบิดาเห็นจะไปบอกนายบ้านให้มาจับเราจึงสั่งไว้แก่คนที่เรือน
คนที่เรือนจึงว่าจะมัดก่อนหรือจะฆ่าทีเดียว”
ตันก๋งจึงว่า “เราไม่รู้จักน้ำใจแปะเฉียจะประมาณการนั้นไม่ได้” โจโฉจึงว่า “เอามันไว้ไม่ได้”
ก็ชักกระบี่แล้วเข้าไปฟันผู้คนบุตรภรรยาแปะเฉียตายถึง 8 คน
ตันก๋งเหลือบไปเห็นสุกรที่เขามัดไว้ก็ตกใจจึงว่า “เขามัดสุกรไว้จะฆ่าต่างหาก ท่านมาฆ่าผู้คนบุตรภรรยาแปะเฉียเสียนั้นผิดนัก”
โจโฉกำลังกลัวจึงพาตันก๋งหนีออกจากบ้านไป
ครั้นไปประมาณ 20 เส้น พอพบแปะเฉีย แปะเฉียถามว่า “ไม่อยู่กินข้าว จะไปไหนเล่า”
โจโฉตอบว่า “ข้าพเจ้าเป็นคนผิดอยู่จะรีบไปให้พ้นภัย”
ขับม้าไปแล้วก็ได้คิด จึงกลับม้ามาเรียกแปะเฉียว่าจะสั่งความไว้ แปะเฉียก็หยุดอยู่
โจโฉมาถึงก็เอากระบี่ฟันแปะเฉียตาย
ตันก๋งเห็นดังนั้นก็ยิ่งตกใจเป็นอันมากจึงว่าแก่โจโฉ “เมื่อกี้ฆ่าบุตรภรรยาของผู้คนเขาเสียแล้ว บัดนี้ซ้ำมาฆ่าตัวแปะเฉียอีกเล่า”
การโต้แย้งระหว่างโจโฉกับตันก๋งมากด้วยความแหลมคม อ่อนไหว

Advertisement

ได้ยินคำถามจากตันก๋งเช่นนั้นโจโฉจึงตอบ “เมื่อกี้เราคิดผิดอยู่แล้วครั้นจะละไว้แปะเฉียก็จะโกรธไปบอกนายบ้าน นายบ้านก็จะมาจับเราส่งไปเมืองหลวง
เราจึงซ้ำฆ่าแปะเฉียเสียหวังจะให้เนื้อความสูญไป”
ตันก๋งจึงว่าแก่โจโฉว่า “ท่านมีความคิดผิด เมื่อมิทันรู้ฆ่าบุตรภรรยาผู้คนเขาเสีย ครั้นรู้ตัวว่าผิดแล้วมาซ้ำฆ่าแปะเฉียเสียอีก
ฉะนี้ เป็นคนอกตัญญูหาดีไม่”
โจโฉจึงว่าแก่ตันก๋งว่า “ท่านว่าฉะนี้ก็ชอบกลอยู่ แต่ว่าธรรมดาเกิดมาทุกวันนี้ย่อมจะรักษาตัวมิให้ผู้อื่นคิดร้ายได้เราจึงทำการครั้งนี้”
ว่าแล้วโจโฉก็พาตันก๋งไปถึงที่สำนักแห่งหนึ่งจึงพากันเข้าไปอาศัยนอนอยู่
อย่างไรก็ตาม หากอ่านหนังสือ “ชีวิตรักของโจโฉ” จากการเขียนของหนานกงเผอ แปลและเรียบเรียงโดย สุทธิพล นิติวัฒนา
ก็จะพบว่า “ข้อมูล” ที่ปรากฏกลับกลายเป็นคนละเรื่อง

1ไม่มีการสังหารอย่างที่หลอกว้านจงร้อยเรียงเอาไว้ในยุทธนิยายเรื่อง “สามก๊ก” 1 การหนีออกจากนครลั่วหยางเป็นอีกเรื่อง เป็นอีกเหตุผล
โจโฉคิดปลีกตัวตั้งแต่อ้วนเสี้ยวมีเรื่องกับตั๋งโต๊ะ เพียงแต่รอจังหวะเวลา
ขณะเดียวกัน เมื่อตั๋งโต๊ะสูญเสียอ้วนเสี้ยวเป้าหมายที่ตั๋งโต๊ะเล็งคือจะแต่งตั้งโจโฉให้เป็นผู้บังคับกองพันทหารม้าซึ่งเคยเป็นตำแหน่งของอ้วนเสี้ยว
“ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านเต็มใจช่วยเหลือข้าพเจ้า” เป็นความเชื่อมั่นของตั๋งโต๊ะ
ในความเห็นของหนานกงเผอ “เจตนาดีของตั๋งโต๊ะนั้นมีความปรารถนาที่จะเอาโจโฉมาเป็นลูกน้อง”
ตำแหน่ง “ผู้บังคับกองพันทหารม้า” จึงคือไพ่ตาย
เมื่อได้รับคำสั่งแต่งตั้งให้เป็น “ผู้บังคับกองพันทหารม้า” โจโฉจึงเอาคำสั่งใส่ซองแล้วให้คนนำไปคืนแก่ตั๋งโต๊ะ
กลางดึกของคืนนั้นก็ออกจากลั่วหยาง

เป็นอันกรณีของลิแปะเฉีย กรณีตันก๋ง เป็นเรื่องของนิยายอันดำเนินไปในลักษณะจริงปนเท็จ
ไม่ว่ามองจากหลอกว้านจง ไม่ว่ามองจากหนานกงเผอ
เท็จปนจริง 1 เพื่อสร้างสีสัน 1 เพื่อแต่งแคมป์ภาพของโจโฉให้เป็นไปอย่างที่กำหนดวางไว้
เป็นคนละเรื่องกับกรณีของหานซิ่น แต่ก็สร้าง “คำถาม” ใกล้เคียงกัน
ภาพของโจโฉอันปรากฏผ่านปลายพู่กันของหลอกว้านจงเป็นไปอย่างมีเป้าหมายเพื่อกดโจโฉ
ดำรงอยู่ในลักษณะแห่ง “กังฉินหน้าขาว”
ถามว่าได้แรงดาลใจมาจากกรณีของหานซิ่นหรือไม่ ไม่สามารถยืนยันได้แต่กรณีของหานซิ่นก็คือตัวอย่างหนึ่งของการตัดสินใจ
ในยามหน้าสิ่วหน้าขวาน จำเป็นต้องยึดกุม “ยุทธศาสตร์”

Advertisement

พิจารณาจาก “บทเพลง” 1 ยอมรับในความแม่นยำของแผนที่ซึ่งได้จากจางเหลียง 1 จำใจต้องสังหารคนเก็บฟืนเพื่อกลบร่องรอย
ร่องรอยที่จะหวนกลับเพื่อยึดกวนจง เพื่อยึดเสียนหยาง
เป็นปฏิบัติการครั้งแรกของหานซิ่น เป็นการรุกคืบไปสู่อำนาจของฮั่นอ๋อง จ่อปลายทวนไปยังฌ้อปาอ๋องอย่างทระนงองอาจ
เท่ากับส่งสัญญาณศึกระหว่างฮั่นกับฌ้อ
ทหารพร้อม แม่ทัพพร้อม การออก “ล่ากวาง” เพื่อความเป็นใหญ่ได้ระเบิดขึ้นแล้ว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image