พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : ยาขม มีคุณ ศิลา กลาง น้ำเชี่ยว คำสัตย์ ขัดหู

เหมือนกับทุกอย่างกำลังเข้ารูปเข้ารอย ในเมื่อด้านหนึ่ง หานซิ่น สำแดงความภักดีอย่างเต็มเปี่ยม
ผ่านคำกราบทูล
“ขอไต้อ๋องตั้งบำรุงทะแกล้วทหารอยู่ตำบลซิวบู๊ให้รื่นเริงแล้วยกไปตีเมืองเซงโก๋ ข้าพเจ้าไปตีเมืองฉีได้แล้วจึงจะยกมาเฝ้า
จะได้คิดรวมทัพไปตีเมืองเผิงเฉิงให้สำเร็จการใหญ่”
การใหญ่ที่ว่านั้น คือ การรุกไล่และกำจัดพระเจ้าฌ้อปาอ๋องตามแผนเดิมที่มาดหมาย ไม่ว่าของเล่าปัง
ไม่ว่าของเซียวเหอ ไม่ว่าของจางเหลียง
อย่าได้แปลกใจที่เมื่อพระเจ้าฮั่นอ๋องได้ฟังก็ยินดีนัก จึงคืนตราให้แล้วตั้งหานซิ่นขึ้นเป็นเสียงก๊ก จางยี่เป็นเตียวอ๋องครองเมืองเตียว
ในความราบเรียบก็มีลักษณะคืบรุก

จากนั้น พระเจ้าฮั่นอ๋องก็ยกทัพใหญ่ไปตั้ง ณ เมืองซิวบู๊ ตามคำกราบทูลอย่างมีลักษณะในทางยุทธศาสตร์ของหานซิ่น
อยู่มาวันหนึ่งหลีเสงเข้าไปทูล
“ครั้งแผ่นดินพระเจ้าเสียนถางตั้งขุนนางขึ้นเป็นเกียกอ๋องครองสมบัติแทนพระองค์ ครั้นชราลงก็มอบสมบัติให้บุตรชายเป็นติวอ๋อง
พอเกียกอ๋องสู่สวรรคต ติวอ๋องไม่อยู่ในยุติธรรม
หนูอ๋องจึงกำจัดติวอ๋องเสีย แล้วตั้งตัวเป็นพระเจ้าหนูอ๋องครองเมืองหลวง จึงตั้ง 6 หัวเมืองใหญ่เป็นเจ้าสิ้น แผ่นดินจึงกว้างขวางมาช้านาน
ฝ่ายฉินอ๋องเจ้าเมืองฉินมีฝีมือเข้มแข็ง ปราบหัวเมืองใหญ่ได้สิ้น
เมืองฉินจึงได้เป็นหัวเมืองหลวงมาจนพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้จึงเปลี่ยนชื่อเมืองจิ๋นเรียกว่าเมืองเสียนหยาง ครั้งนี้ไต้อ๋องสืบเชื้อวงศ์ครองเมืองใหญ่มาตั้งเป็นเจ้าขึ้น
เห็นเมืองใหญ่จะมาสามิภักดิ์ ถึงฌ้อปาอ๋องก็ต้องมาขึ้นกับไต้อ๋อง”

คํากราบทูลของหลีเสงต้องกับความคิดของพระเจ้าฮั่นอ๋อง เพราะเท่ากับยกพระเจ้าฮั่นอ๋องขึ้นอยู่ในระดับเดียวกับจิ๋นซีฮ่องเต้
จึงสั่งให้ช่างหล่อตราแกะใหม่ 6 ดวง
ในความปลาบปลื้มปีติปราโมทย์ของพระเจ้าฮั่นอ๋องเมื่อความนี้ล่วงรู้ไปถึงหูของจางเหลียงจึงกราบทูลพระเจ้าฮั่นอ๋องว่า
“แต่เมื่อพระเจ้าเสียงถางตั้งเกียกอ๋องให้เป็นเจ้าแผ่นดินแทนนั้น
ด้วยพระเจ้าเสียงถางมีวิชาจะว่าให้คนเป็นแลตายก็ได้ ไต้อ๋องจะว่าให้ฌ้อปาอ๋องต้องตายได้หรือ
(ขณะเดียวกัน) ครั้งพระเจ้าหนูอ๋องเป็นเจ้านั้น
แจกข้าว ทิ้งทาน ทรัพย์สิ่งของเนืองนิตย์ มีพระทับโอบอ้อมอารีอยู่ในยุติธรรม ราษฎรทั้งปวงอยู่เป็นสุข
ไม่มีเมืองใดเป็นข้าศึกทำอันตราย พระเจ้าหนูอ๋องจึงตั้ง 6 หัวเมือง”

ต้องยอมรับในความกล้าหาญของจางเหลียง เด่นชัดว่าดำรงตนอยู่ในลักษณะอันเรียกได้ว่าเป็น “หลักศิลากลางน้ำเชี่ยว”
ธรรมดาเมื่อ “น้ำเชี่ยว” น่ากลัวอย่างยิ่ง
มิเช่นนั้นจะมีพังเพยโบราณระบุว่า “น้ำเชี่ยวอย่าเอาเรือไปขวาง” เกิดขึ้นละหรือ
ยิ่ง “น้ำเชี่ยว” ในลักษณะอย่างที่พระเจ้าฮั่นอ๋องเป็น
ยิ่งน่าหวาดหวั่น พรั่นพรึง
แต่การทักท้วงของจางเหลียงก็มิได้เป็นเตียงว่าง ตรงกันข้าม ดำเนินไปด้วยความเข้าใจต่อ “สภาพ” เป็นอย่างดี
เป็นสภาพของบ้านเมืองในยุคพระเจ้าหนูอ๋อง
แม้จะรู้สึกว่าคำเพ็ดทูลของหลีเสงส่งให้พระเจ้าฮั่นอ๋องดำรงอยู่เหมือนกับว่าวลอยลม และเป็นเรือให้กระแสน้ำเชี่ยว
แต่เมื่อเข้าใจ “สภาพ” จึงดำรงอยู่อย่าง “หาญกล้า”

Advertisement

ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้พระเจ้าหนูอ๋องมีความมั่นใจ 1 มาจากกระบวนการปกครองของพระเจ้าหนูอ๋องเอง
มีพระทัยโอบอ้อมอารีอยู่ในยุติธรรม
ราษฎรทั้งปวงอยู่เป็นสุข ไม่มีเมืองใดเป็นข้าศึก ทำอันตรายกลายเป็นรากฐานอันมั่นคงนำไปสู่ 1 การตั้ง 6 หัวเมืองได้
“โคกระบือแลม้าจึงเทียมรถสำหรับขบวนศึกก็ปล่อยเป็นไปตามสบาย
แต่แผ่นดินทุกวันนี้ยังไม่ราบคาบ ทหารซึ่งติดตามไต้อ๋องต่างก็คิดจะหาความสุข ถ้าตั้ง 6 หัวเมืองขึ้นต่างคนก็ต่างจะไปอยู่ตามภูมิลำเนา
ใครจะมาช่วยทำศึก
ทุกวันนี้ ฌ้อปาอ๋องกำลังกล้าแข็ง เมืองขึ้นยังมีมาก ถ้าหากหัวเมืองไปเข้าด้วยฌ้อปาอ๋อง
ไต้อ๋องจะสู้ได้หรือ”

จากคำกราบทูลทัดทานอย่างหาญกล้าของจางเหลียงนั้นเอง พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงได้สติในลักษณาการเดียวกันกับเมื่อครั้งรุกเข้าไปในเสียนหยาง
พบเห็นความโอ่อ่าอลังการแห่งวังหลวง
นั่นอาจเป็นอารมณ์ระยะที่เรียกขานว่า “เพ่ยกง” เมื่อพานายทหารบรรดามีฝีมือเข้าไปในวัง เห็นพระที่นั่งใหญ่กว้าง พระที่นั่งร้อนเย็น
พระที่นั่งจังเก๋งซึ่งเป็นทีอยู่ของฮองเฮา
เห็นสมบัติพัสถานทั้งปวงเป็นที่เพลิดเพลินใจนัก จึงค่อยเดินเข้าไปเห็นพระตำหนักที่แท่นพระบรรทม
จึงนั่งบนที่สำหรับกษัตริย์ นายทหารทั้งปวงยืนรายอยู่โดยรอบ
จึงคิดว่าอันนี้แสนสนุก น่าอยู่ “เจ้าเมืองเสียนหยางทำไว้เป็นที่สุขสบาย เราจะใคร่อยู่บำรุงราษฎรให้เป็นสุข ไม่ให้หัวเมืองทั้งปวงมาช่วงชิงได้”
แม้จะเป็นเรื่องอันเป็น “อดีต” แต่ก็เป็นอดีตที่มิได้ห่างไกลนัก

สถานการณ์แรกที่เข้าเมืองเสียนหยางมีเพียงฟานไคว่ พ่อค้าชำแหละเนื้อเท่านั้นที่ได้ยินก่อนใครไหนอื่น
และตระหนักว่ามีแต่ “จางเหลียง” เท่านั้นที่หยุดยั้งไว้ได้
จางเหลียงเดินตรงเข้าไปกล่าวกับเพ่ยกง “ด้วยฉินเหี้ยมโหดทารุณ ด้วยเหตุนี้ท่านถึงมาที่นี่ได้ท่านเพื่อใต้ฟ้านี้ได้ขจัดความเหี้ยมโหดหมดไป
เริ่มแรกควรต่อต้านฉิน บริหารที่ชำรุด ใช้ความพยายามปรับปรุงใหม่
บัดนี้เพิ่งเข้าสู่ราชธานีฉินก็คิดจะอาศัยอยู่ที่นี่อย่างสุขสบาย เกรงว่าเมื่อวานนี้ก๊กฉินล่มสลาย วันพรุ่งนี้เป็นท่านสูญสิ้น
ไฉนมาทุกข์ยากด้วยความสุขสำราญเพียงวันเดียว
ตัวต้องปราชัยในขณะจวนประสบความสำเร็จ คนโบราณมีวาจาว่า “ยาที่ขมปากมีคุณประโยชน์รักษาโรค คำสัตย์ขัดหูมีคุณประโยชน์ในจริยธรรม
ปรารถนาท่านฟังวาจา อย่านำภัยพิบัติมาสู่ตนเอง”

Advertisement

บทบาทของจางเหลียงต่อความคิดตั้ง 6 หัวเมืองก็ดำเนินไปเหมือนบทบาทเมื่อแรกที่เพ่งกงรุกเข้าไปนอนอยู่บนแท่นบรรทม
สติที่เตลิดเพริศจึงได้หวนคืนมา
บทสรุปอันเคยปลืมเปรมก็พลันแปรเปลี่ยนกลายเป็นประโยค “หลีเสงมีแต่ปากพูด ไม่เห็นการภายหน้า ถ้าเชื่อหลีเสงเจียนจักเสียการ”
จึงคืนตรา 6 ดวงมาหลอมเสีย และก็เคืองหลีเสงอยู่หลายวัน
เรื่องนี้จางเหลียงกล่าวกับหลีเสงว่า “เราไม่รู้ว่าตัวท่านทูลความข้อนี้จึงทูลตามตรงโดยรักแผ่นดิน ครั้นเรารู้ความคิดทานเราไม่มีความสบาย
แต่ท่านไม่พิเคราะห์ดูว่าพระเจ้าฮั่นอ๋องกับพระเจ้าหมูอ๋องจะเปรียบกันได้หรือ
ครั้งนี้พระเจ้าฮั่นอ๋องได้แผ่นดินไว้ครึ่งหนึ่งก็ยังเป็นรองฌ้อปาอ๋องอยู่ ด้วยฌ้อปาอ๋องมีกำลังมากและเข้มแข็งกว่าพระเจ้าฮั่นอ่อง
ต่อไป ถ้าท่านจะทูลสิ่งใดจงตรองการล่วงหน้าเสียก่อน”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image