พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : เนื้อแท้ ดาบคม ทอดทิ้ง ‘สนิม’ เกาะกิน หมั่นลับ หมั่นใช้

พยัคฆ์ซ่อน มังกรซุ่ม : เนื้อแท้ ดาบคม ทอดทิ้ง ‘สนิม’ เกาะกิน หมั่นลับ หมั่นใช้

ปัญหาระหว่างพระเจ้าฮั่นอ๋องกับหานซิ่นอาจสามารถ “บรรเทา” และ “ชะลอ” การแตกหักลงได้ระดับหนึ่ง
จากความพยายามของ “จางเหลียง”
ไม่ว่าจะมองจากด้านที่จางเหลียงมีความผูกพันกับหานซิ่น ไม่ว่าจะมองจากด้านที่จางเหลียงเห็นความหมายของหานซิ่น
กระนั้น เมื่อรากฐานของปัญหามาจาก 2 ฝ่าย
ในด้านของพระเจ้าฮั่นอ๋องที่ยังติดค้างและสลัดไม่หลุดจากความรู้สึกเดิมที่มีต่อ “ไอ้หนุ่มลอดหว่างขา”
รวมถึง “เส้นทาง” อันวกวนของ “หานซิ่น”
ขณะเดียวกัน ในด้านของหานซิ่นเองก็มีความสำเร็จมากหลายทางด้านการทหารเป็นเครื่องร้อยรัดอยู่อย่างแน่นหนา
ตัวตนของหานซิ่นเองนั่นแหละสำคัญ

วันหนึ่ง พระเจ้าฮั่นอ๋องจึงบัญชาให้หานซิ่น จางยี่ เข้ามาเฝ้าแล้วตรัสถาม “เมื่อเราอยู่เมืองเอ๊กหยางแลเมืองเซงโก๋
ต้องถูกล้อมทั้งสองแห่งทำไมจึงไม่ยกทัพมาช่วย”
นี่ย่อมเป็นปัญหาใหญ่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเสพสุรานอนสลบไสลแทบไม่มีสมปฤดีกระทั่งมีคนรุกเข้าถึงที่นอน
ก็สลัวงัวเงียขึ้นมาฮับต้อน
มิหนำซ้ำ ผู้ที่มาเยือนโดยมิได้แจ้งล่วงหน้ายังเป็นพระเจ้าฮั่นอ๋องซึ่งอยู่ในฐานะเหนือกว่า “แม่ทัพ”
เบื้องหน้าคำถาม คำตอบจากหานซิ่นคือ
“ข้าพเจ้าเพิ่งตีได้เมืองใหม่ๆ เห็นว่าใจคนยังไม่เรียบร้อยต้องคอยระวังอยู่ซึ่งไต้อ๋องต้องล้อมยังไม่ได้ความเป็นที่แน่ชัดจึงมิได้ยกทัพไปช่วย”
มีเหตุผลทั้งด้าน “การเมือง” ทั้งด้าน “การข่าว”

รับทราบคำอธิบายแล้ว พระเจ้าฮั่นอ๋องยังมีปุจฉาต่อไปอีก “เมืองเดียวเมืองเอี๋ยนก็ตีได้แล้ว ทำไมจึงไม่ไปตีเมืองฉีเล่า”
เป็นปุจฉาอันเปี่ยมด้วยเหตุผลทางด้าน “การทหาร”
“ลักษณะการจะใช้ทหารเปรียบเสมือนดาบที่คม สิ้นเหล็กตีเร็ว แม้นทิ้งไว้นานก็จะเกิดสนิม ครั้นไม่ใช้เสียเลยก็จะหลงลืม
ถ้าดาบที่คมถ้าใช้มากนักไม่พักเสียบ้าง ก็จะอิดโรยถอยกำลัง
ครั้นไม่ใช้เสียเลยก็จะหลงลืมการศึกสงคราม ไต้อ๋องมอบทหารให้ข้าพเจ้าคุมทหารหลายสิบหมื่นไปปราบหัวเมืองต่างๆ ด้วยบารมีปกแผ่จงไปได้เมืองเว่ย ตลอดมาจนไปถึงเมืองเตียว ถ้าจะคิดทางเดินก็หลายหมื่นเส้น
ครั้นจะไม่หยุดพักผ่อนบำรุงกำลังทหารก็อิดโรย บัดนี้ข้าพเจ้าก็จัดแจงทะแกล้วทหารไว้พร้อมแล้ว ยังคอยหาฤกษ์ยามอยู่
ได้วันดีเมื่อใดจะยกทัพไป”

Advertisement

คำกราบทูลของหานซิ่น ไม่เพียงแต่ยืนยัน 1 การจัดแจงกำลังทะแกล้วทหาร 1 บำรุง ทหารให้แข็งกล้า 1 รอการเสด็จมาของพระเจ้าฮั่นอ๋อง
จากนั้นก็เข้า “ประเด็น” สำคัญ
“ขอไต้อ๋องตั้งบำรุงทะแกล้วทหารอยู่ตำบลซิวบู๊ให้รื่นเริง แล้วยกไปเมืองเซงโก๋ ข้าพเจ้าไปตีเมืองฉีได้แล้วจึงจะยกมาเฝ้า
จะได้คิดรวมทัพไปตีเมืองเผิงเฉิงให้สำเร็จการใหญ่”
“การใหญ่” ที่ว่านั้น ไม่ว่ามองจากด้านของก๊กฮั่น ไม่ว่ามองจากด้านของฮั่นอ๋อง ไม่ว่ามองจากด้านของหานซิ่น
ตรงกัน
นั่นก็คือ การรุกไล่และกำจัดพระเจ้าฌ้อปาอ๋องอันพระเจ้าฮั่นอ๋องตั้งเป็นปณิธานเป้าหมายตั้งแต่ยังเล่นบท “เล่าปัง”
หานซิ่นจึงได้ตราคืน แต่งตั้งเป็นเสียงก๊ก ครองเมืองเตียว
ต้องยอมรับว่าสายสัมพันธ์ระหว่างพระเจ้าฮั่นอ๋องกับหานซิ่นเป็นสายสัมพันธ์ที่มีการเรียนรู้ระหว่างกันและกันตลอดเวลา
หากอ่านงานของ บุญศักดิ์ แสงระวี ก็จะเข้าใจ
เมื่อแปลและค้นคว้ารวบรวม “ตำราพิชัยสงครามซุนวู” ในบทที่หนึ่ง ว่าด้วยประเมินศึก ในตอน “หลิวปังเปรียบแม่ทัพ” ก็จะแจ้งในรายละเอียด
เล่าปังเมื่อใช้หานซิ่นเป็นแม่ทัพ ทำศึกตีเฉินซาง
ตีเมืองสำคัญในกวนจงเป็นฐานไว้หลายเมืองก็คิดจะรบแตกหักกับพระเจ้าฌ้อปาอ๋อง แต่ถูกตีตลบหลังจนต้องถอยร่นไม่เป็นขบวน
ต้องกลับมาเลียแผลยังเมืองเสิงหยาง
พวกเจ้าครองแคว้นต่างๆ ที่เคยแปรพักตร์ก็กลับไปสวามิภักดิ์กับเซี่ยงหวี่ในการศึกกับเว่ยเป้าอ๋องจึงเป็นการร่วมอย่างใกล้ชิดกับหานซิ่น
บทสนทนาระหว่างเล่าปังกับหานซิ่นควรให้ความสนใจ

เล่าปังถามหานซิ่นถึงแม่ทัพของเว่ยเป้าอ๋องว่า “ใครเป็นแม่ทัพของเว่ย” เมื่อหานซิ่นตอบว่า “ไป๋จื้อ”
เล่าปังหัวเราะ “เจ้านี่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ไม่พอมือหานซิ่น”
แล้วถามอีกว่า “ใครเป็นขุนพลทหารม้า” ก็ได้คำตอบว่า “ฝ่งจิ้ง” เล่าปังหัวเราะอีก พลางว่า ลูกฝ่งอู่ใจขุนพลของฉินนี้ดอกหรือ
แม้จะปราดเปรื่องแต่เทียบไม่ได้กับก้วนอิง”
แล้วถามต่อว่า “ใครเป็นขุนพลทหารราบ” เมื่อหานซิ่นตอบว่า “เสี้ยงทา” เล่าปังก็หัวเราะอีก “เทียบไม่ได้กับฉาวซัน”
ครั้นแล้วก็พูดเสริมว่า “การรบครั้งนี้เราไม่วิตกแล้ว ท่านจงไปเถิด”
นี่ย่อมเป็นการสนทนาในห้วงก่อนหานซิ่นใช้กลยุทธ์ส่งเสียงบูรพา ฝ่าตีประจิมอันลือชื่อ
เป็นเรื่องในการประเมินศึกบนพื้นฐานการข่าวอันแม่นยำ

ในบทว่าด้วย “ประเมินศึก” นี้ บุญศักดิ์ แสงระวี วิเคราะห์ในลักษณะขยายว่า ซุนวูอธิบายถึงความสำคัญของการค้นคว้าและการวางแผนสงคราม
ตลอดจนวิคราะห์เงื่อนไขการทำสงคราม
เน้นเป็นพิเศษในประเด็นก่อนที่จะเปิดฉากทำสงครามว่าจะต้องวิเคราะห์เงื่อนไขต่างๆ ของคู่ศึก
ค้นคว้ากำหนด “แผน” การรบ
จะต้องวิเคราะห์และเปรียบเทียบเพื่อเสาะหาข้อดี ข้อด้อย ความได้เปรียบ เสียเปรียบของทั้ง 2 ฝ่ายอย่างจริงจัง
จาก “เจ้านาย” มีคุณธรรมหรือไม่ ไปยัง “แม่ทัพ” สามารถเพียงใด
สร้างการวางแผนสงครามอยู่บนพื้นฐานของการยึดถือสภาพความเป็นจริงหรือวัตถุนิยมแบบเรียบง่าย
เมื่อประสานกับ “เล่าปัง” เมื่อประสานกับ “หานซิ่น” ก็จะเห็น

Advertisement

ต้องยอมรับว่า ความรอบรู้ในด้าน “รู้เรา รู้เขา” ของหานซิ่นนั้นมีความยอดเยี่ยม แต่ที่ยอดเยี่ยมมากกว่ากลับเป็นเล่าปัง
นี่คือจุดต่างระหว่าง “จอมทัพ” กับ “แม่ทัพ”
หากมองจากรากฐานเดิมที่เล่าปังเป็นไอ้ขี้เมาแห่งหมู่บ้านเพ่ย หากมองจากรากฐานเดิมที่ข้นแค้นเก็บกดอยู่ในไคว่อิน
แม้แต่ “แม่บ้าน” ธรรมดาก็หยามหมิ่น
ต้องยอมรับว่าการทะยานขึ้นมาของเล่าปังไม่ธรรมดา ต้องยอมรับว่าการทะยานขึ้นมาของหานซิ่นไม่ธรรมดา
ผ่านการ “เคี่ยวกรำ” ผ่านการ “พิสูจน์”
ต้องยอมรับว่า แต่ละฝ่ายมีลักษณาการอันดำเนินไปในสภาพที่ต้องพึ่งพากันและกัน
โชคดีที่มีเซียวเหอเป็นคนเชื่อม โชคดีที่มีจางเหลียงเป็นคนประสาน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image