ถอดรหัส ‘เลกซัส’ ยืนหยัด บุกตลาดรถหรูเมืองไทย

หลายคนคงสงสัยว่าทำไม เลกซัส ถึงสามารถยืนหยัดซัดกับยักษ์ใหญ่รถหรูอย่าง บีเอ็ม และ เบนซ์ มาได้จนถึงป่านนี้ทั้งที่ยอดขายได้ปีละไม่ถึง 1 พันคัน

แต่ยอดขายเลกซัสปีที่แล้วถือว่าทุบสถิติ ตั้งแต่เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยปี 1993 ย่างเข้าปีที่ 31 ในปีนี้ สามารถทำได้ถึง 1,012 คัน ขายได้มากที่สุดตั้งแต่ทำมา แต่ทว่าตลาดรถหรูเมืองไทย ขายกันปีละเป็นหมื่นคัน ดังนั้น 1 พันคันของเลกซัสย่อมมีความหมายอย่างยิ่งยวด

หากแยกส่วนมองว่าเลกซัสเป็นรถยนต์หรูค่ายหนึ่ง จะทำให้ไม่เห็นภาพรวมว่า จริงๆ แล้ว เลกซัสคือแบรนด์รถหรูของโตโยต้า คือโตโยต้าเลกซัส

แม้ยอดขายไม่หวือหวา แต่เลกซัสเป็นเหมือนต้นแบบของเทคโนโลยีต่างๆ โตโยต้าพัฒนามาใส่ในรถ มักจะเริ่มใส่ในรถหรูพรีเมียม ก่อนจะส่งต่อให้โตโยต้าพัฒนาไปใส่ในรถรุ่นต่างๆ จะเห็นได้จากเทคโนโลยีไฮบริด และระบบช่วยอำนวยความสะดวกและปลอดภัยต่างๆ ช่วยใช้เทคโนโลยีได้คุ้มค่า

Advertisement

แต่ด้วยข้อจำกัดด้านภาษีในฐานะรถนำเข้า ไม่มีไลน์การประกอบในเมืองไทยเหมือนกับค่ายเยอรมัน ทำให้สู้ราคาค่ายอื่นค่อนข้างเหนื่อย แต่ก็พยายามหาทางสู้ด้วยการอัดอุปกรณ์ เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าไป เพื่อให้ดูคุ้มค่ากับราคา นอกเหนือจากการแนะนำรถรุ่นใหม่ เน้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลากหลายขึ้น

ล่าสุด เลกซัสจัดกิจกรรมสื่อมวลชนทดลองขับเลกซัสหลากหลายรุ่น แต่เน้นโฟกัสไปที่ 2 รุ่นใหม่ คือ เลกซัส แอลบีเอ็กซ์ และ เลกซัส เอ็นเอ็กซ์ ปรับปรุงใหม่รุ่นพิเศษ เส้นทางกรุงเทพฯ-พัทยา

สำหรับ เลกซัส รุ่นใหม่ล่าสุด แอลบีเอ็กซ์ (The All-New Lexus LBX) รถครอสโอเวอร์ขนาดเล็ก เทคโนโลยีความปลอดภัยและอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงมาแบบเพียบ

Advertisement

อาทิ ระบบความปลอดภัย Lexus Safety System+ 3.0 มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น ประกอบไปด้วยระบบความปลอดภัยหลากหลาย อาทิ ระบบป้องกันก่อนการชน (Pre-Collision System) ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Dynamic Radar Cruise Control) ระบบช่วยเปลี่ยนเลน (Lane Change Assist) ระบบไฟหน้าปรับสูง-ต่ำอัจฉริยะ (Adaptive High Beam System) ระบบติดตามช่องทางการวิ่ง พร้อมเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Tracing Assist) ระบบไฟสูงอัตโนมัติ (Automatic High Beam)

นอกจากนี้ ยังมีระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Lexus Teammate Advanced Park) ระบบความปลอดภัยขณะเปิดประตู (Safe Exit Assist-SEA) ทำงานร่วมกับระบบตรวจสอบจุดอับสายตา (Blind Spot Monitor) ควบคุมระบบกลอนประตูอัจฉริยะ (e-Latch) ฯลฯ มาเสริมเป็นลูกเล่นเพิ่มไปอีกขั้น

สถาปัตยกรรมโครงสร้างตัวถังใหม่ GA-B (Global Architecture-B Platform) น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่งพิเศษ ช่วยเพิ่มสมรรถนะความปลอดภัย รองรับแรงเฉื่อยและลดจุดศูนย์ถ่วง ให้รถมีความเสถียรขึ้น

ระบบไฮบริด (HEV) ทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้กำลังรวมทั้งระบบ 134 แรงม้า มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ภายใน 9.2 วินาที อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 26.32 กม./ลิตร เลกซัสมั่นใจว่าประหยัดน้ำมันสูงสุดในคลาส

มาพร้อมกับสีภายนอกถึง 9 สี และสีภายใน 4 สี ราคา เกรด ลักชัวรี่ (Luxury) 2,229,000 บาท และเกรด พรีเมียม (Premium) 2,390,000 บาท

ส่วน เลกซัส เอ็นเอ็กซ์ (Lexus NX) รุ่นปรับปรุงใหม่ 2024 เกรด โอเวอร์เทรล (Overtrail) รุ่นพิเศษสำหรับสายลุย เพิ่งเปิดตัวไปที่ญี่ปุ่นเมื่อเร็วๆ นี้

ภายนอกตกแต่งด้วยสีดำที่กระจกมองข้าง มือจับประตู ราวหลังคา คิ้วล้อ และกระจังหน้าแบบ สปินเดิล กริล (SPINDLE GRILLE) ให้ดูแข็งแกร่งดุดัน มาพร้อมสีภายนอกพิเศษ Moon Desert ล้ออัลลอยสีดำด้านขนาด 18 นิ้วดีไซน์ใหม่ พร้อมยางพิเศษสำหรับทุกสภาพถนน มีเฉพาะในเกรด Overtrail เท่านั้น

ห้องโดยสารภายในเกรด Overtrail เป็นเอกลักษณ์ด้วยเบาะนั่งโทนสีพิเศษสีกากีและสีดำ พร้อมด้วยลายไม้แบบ จีโอ เลเยอร์ (Geo Layer) ได้รับแรงบันดาลใจจากลวดลายของชั้นหินธรรมชาติ

รุ่นปรับปรุงใหม่นี้ เพิ่มความสูงของช่วงล่างขึ้น 15 มม. ระยะห่างจากพื้นรถเพิ่มขึ้น ช่วยให้วิสัยทัศน์ของผู้ขับขี่ดีขึ้น มองเห็นสภาพแวดล้อมรอบข้างได้ชัด สามารถวิ่งบนถนนขรุขระได้คล่องตัวขึ้น แต่มีให้เลือกในรุ่น NX 450+ เท่านั้น

สำหรับ เลกซัส เอ็นเอ็กซ์ ถือว่าเป็นรถครอสโอเวอร์รุ่นขายดีที่สุดรุ่นหนึ่งจากเลกซัสในประเทศไทย นับตั้งแต่เปิดตัวในเจเนอเรชั่นแรกเมื่อปี 2557 จนถึงปัจจุบัน

ดีไซน์ภายนอกดูสปอร์ต โฉบเฉี่ยว ทันสมัย กระจังหน้า SPINDLE GRILLE ดีไซน์ใหม่ ไฟท้ายรูปทรงตัว L สอดรับกับโลโก้แบบใหม่ของเลกซัส มาพร้อมกับสีภายนอกให้เลือกถึง 12 สี มีสีใหม่คือ สีทองแดง โซนิก ค็อปเปอร์ (Sonic Copper)

ภายใน หน้าจอขนาดใหญ่ 9.8 นิ้ว โครงสร้างตัวถังแบบ GA-K (Global Architecture-K Platform) ทำให้ตัวรถมีขนาดใหญ่และกว้าง ส่งผลให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวและควบคุมได้ดี มาพร้อมกับระบบเครื่องยนต์ไฮบริดและปลั๊กอินไฮบริด

Lexus NX 350h มาพร้อมกับเครื่องยนต์ไฮบริด HEV 4 สูบแถวเรียง 2.5 ลิตร ผสานพละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงและแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนเข้าด้วยกัน ให้อัตราเร่งดี ขับสนุก ประหยัดน้ำมัน

ส่วน Lexus NX 450h+ มาพร้อมกับเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร ผสานการทำงานกับแบตเตอรี่ลิเทียมไอออน และระบบขับเคลื่อนสีล้อ (AWD) กำลังสูงถึง 304 แรงม้า สามารถเดินทางด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ 87 กิโลเมตร ด้วยการชาร์จไฟ จาก 0-100% ภายในเวลา 2 ชั่วโมงครึ่ง เลกซัสจึงภาคภูมิใจว่า Lexus NX 450h+ เป็นสมาร์ทเตอร์ อีวี (SMARTER EV) ตัวจริง แทบจะไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันในการเดินทางในเมือง แต่หากต้องเดินทางระยะไกล ก็มีระบบเครื่องยนต์ไฮบริด ไม่ต้องกังวลเรื่องการชาร์จไฟ

ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย Lexus NX มาพร้อมกับ เลกซัส เซฟตี้ ซิสเทม พลัส (Lexus Safety System Plus) แถมมีระบบกลอนประตูอิเล็กทรอนิกส์ อี-แลตช์ (E-LATCH) ระบบจะช่วยให้ประตูรถทำงานได้นุ่มนวลขึ้น ระบบการเปิด-ปิดประตูแบบ เซฟ เอ็กซิท แอสซิสต์ (Safe Exit Assist) เพิ่มความปลอดภัยขณะลงจากรถ จะล็อกไม่ให้เปิดหากมีรถมาจากด้านหลัง และยังช่วยให้ไม่ต้องออกแรงดึงหรือผลักเพื่อเปิดประตู

ราคา NX 350h รุ่น Luxury 3,310,000 บาท รุ่น Grand Luxury 3,460,000 บาท NX 450h+ รุ่น Grand Luxury AWD 3,660,000 บาท รุ่น Premium AWD 3,940,000 บาท รุ่น Overtrail AWD 4,180,000 บาท รุ่น F SPORT AWD 4,390,000 บาท

ภาพรวมของ เลกซัส แอลบีเอ็กซ์ เหมาะกับคนรุ่นใหม่ชอบใช้รถหรู แต่ไม่ชอบรถเหมือนใครแบบบีเอ็มหรือเบนซ์ ชอบรถที่ใส่อุปกรณ์เทคโนโลยีมาแบบอัดแน่น ส่วนสมรรถนะการขับขี่เน้นคล่องตัว แต่ถ้าใครมองจากขนาดเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร ดูเล็กไปเมื่อเทียบกับราคา อาจขัดใจไปบ้าง

แต่ถ้าจะให้ตรงเป้า ลองเข้าไปดูรายละเอียดเทคโนโลยีไฮบริดและอุปกรณ์ต่างๆ มากมาย อาจสบายใจมากขึ้น

ส่วน เลกซัส เอ็นเอ็กซ์ ถือเป็นการต่อยอดรถหรูยอดนิยมของเลกซัสไปอีกขั้น เพื่อขยายฐานลูกค้ารถหรูกลุ่มนี้ รุ่นโอเวอร์เทรลถือว่าเป็นอีกทางเลือกสำหรับลูกค้ารถหรูสายลุย

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเลกซัสจะมีข้อจำกัดเรื่องราคา เพราะเป็นรถนำเข้า แต่เลกซัสพยายามชี้ให้เห็นจุดเด่นการใส่อุปกรณ์ทันสมัยต่างๆ

อีกอย่างที่ชัดเจน ทำให้ลูกค้ายังเหนียวแน่นกับเลกซัส เพราะค่าบำรุงรักษาไม่จุกจิก เป็นรถยนต์สไตล์เดียวกับโตโยต้า จึงทำให้เลกซัสสามารถยืนหยัดได้จนถึงขนาดนี้

แถมยังมี 2 รุ่นใหม่ล่าสุดช่วยสร้างยอดขาย จึงเชื่อว่าเป้าหมายปีนี้ 1 พันคัน น่าจะไม่ยาก เพราะ 5 เดือนผ่านไป ทำได้กว่า 500 คันแล้ว

แต่สำหรับใครที่ฝันว่า เลกซัสจะตั้งโรงงานเพื่อประกอบรถในเมืองไทย ณ เวลานี้ คงต้องรอไปก่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image