‘พาณิชย์’ กัดฟันคงส่งออกปี’66 โต 1-2% เผยรอรับ ‘รมต.คนใหม่’ ดันนโยบายพาไทยบุกตลาดโลก

‘พาณิชย์’ กัดฟันคงส่งออกปี’66 โต 1-2% เผยรอรับ ‘รมต.คนใหม่’ ดันนโยบายพาไทยบุกตลาดโลก

เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ (DITP) กล่าวว่า รัฐมนตรีในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ ที่ยังไม่แน่ชัดว่าจะเป็นบุคคลใดเข้ามารับตำแหน่ง นั้น ส่วนของกรมฯ เตรียมแผนนำเสนอบ้างแล้ว โดยเรื่องตลาดการค้าใหม่ๆ ที่ไทยอยากจะเข้าไปเจาะเพื่อการค้าขาย เช่น ตลาดเอเชียกลางและนอร์ดิก ซึ่งเป็นตลาดที่กรมฯ ยังไม่มีกิจกรรมติดต่อกันมากนัก ขณะเดียวกัน รอรับฟังนโยบายของรัฐมนตรีว่าจะเป็นทิศทางและแผนกิจกรรมจะเป็นอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการขยายแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างๆ ร่วมกับพันธมิตรอื่นๆ ซึ่งอยู่ระหว่างดำเนินการ ปัจจุบันมีอยู่ 9 แพลตฟอร์ม

นายภูสิต กล่าวว่า กรมฯ มีภารกิจและแผนที่ต้องดำเนินงาน เพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งประชาชน และผู้บริหารใหม่ที่จะเข้ามา ซึ่งการจะถอดรหัสว่าโจทย์ของรัฐมนตรีจะเป็นอย่างไร จะดูจากนโยบายที่ได้ให้ไว้ตอนช่วงหาเสียงก่อนการเลือกตั้ง ถ้าหากเป็นผู้นำจากพรรคเพื่อไทย (พท.) มีนโยบายตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ซึ่งจะเห็นว่าเรื่องที่นำมาพูดคือการตลาดนำ โดยกรมฯจะเตรียมความพร้อมเรื่องการสื่อสารกับสถาบันการส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ทั้ง 58 แห่งทั่วโลก ต้องทำการบ้านว่าจะหาความต้องการ หรือเทรนด์ใดที่จะสามารถตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลได้ และนำไปสู่การสร้างรายได้

“ขณะที่โจทย์จากภาคเอกชนที่สะท้อนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดที่คณะกรรมการ่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีข้อเสนอ 3 เรื่องอยากให้ภาครัฐดำเนินงาน 1.การดูแลต้นทุนวัตถุดิบการผลิตตลอดห่วงโซ่การผลิต 2.การสนับสนุนการส่งออกไปตลาดใหม่ๆ และ 3.การเร่งรัดผลักดันเรื่องการค้าเสรี (เอฟทีเอ) โดยใน 3 เรื่องนี้ กรมฯจะดำเนินการต่อไป และจะตอบโจทย์ให้ได้ และสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลใหม่”นายภูสิต กล่าว

Advertisement

“เรื่องงบประมาณปี 2567 ที่ล่าช้าออกไป นั้น หลังจากที่ได้พูดคุยกับทางกระทรวงการคลัง ได้แจ้งว่าอนุมัติงบประมาณไปพลางก่อน โดยจะได้ 8 เดือนแรก ระหว่างเดือนตุลาคม 2566 – มิถุนายน 2567 จะได้งบประมาณปี 2567 ไปพลางก่อน ซึ่งอาจได้ 2 ใน 3 ของงบฯทั้งหมด หรือคิดเป็น 66% ส่วนงวดเงินจะเป็นอย่างไรจะแจ้งให้ทราบภายหลัง อย่างไรก็ตาม กรมฯ ได้เตรียมการแผนดำเนินงานสำหรับไตรมาสสุดท้ายของปี 2566 โดยระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2566 ได้ทำแผนดำเนินงาน และเงินงบฯที่จำเป็นต้องใช้เสนอกระทรวงการคลังไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งกระทรวงการคลังต้องโอนงบฯ ดังกล่าวให้กับกรมฯ และคาดว่างบฯที่เสนอไว้เพียงพอต่อการดำเนินงานใน 3 เดือน”นายภูสิต กล่าว

นายภูสิต กล่าวว่า ทิศทางการส่งออกช่วงที่เหลือของปี 2566 ตอบยากว่าจะได้ตามเป้าหมายหรือไม่ เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของโลกที่คาดเดาได้ยากว่าจะออกมาเป็นลักษณะใด ซึ่งกรมฯก็ได้ติดตามเพื่อประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการหลายกลุ่มสินค้ายังคงมีความเชื่อมั่นว่าธุรกิจยังสามารถเดินทางต่อไปได้ เนื่องจากยังมีออร์เดอร์สั่งซื้อสินค้า แต่ต้องติดตามในช่วงครึ่งหลังปี 2566

ซึ่งกรมฯ ยังคงไม่ปรับเป้าการส่งออกปีนี้ และคงไว้ที่ 1-2% ซึ่งจากนี้ต้องรอรัฐมนตรีคนใหม่ ว่าจะมีนโยบายอะไรเข้ามาสนับสนุนภาคการส่งออก และถ้าต้องปรับเป้าตัวเลขอย่างไรจะเผยแพร่ให้รับทราบถึงข้อเท็จจริงทุกประการต่อแผนการดำเนินงาน รวมถึงนโยบายจากรัฐมนตรีใหม่ด้วย

Advertisement

นายภูสิต กล่าวว่า อย่างที่ทราบดีเศรษฐกิจโลกเห็นภาพชะลอตัวลงมีผลกระทบต่อการส่งออกอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหลายสำนักเศรษฐกิจได้ปรับตัวเลขการคาดการณ์เศรษฐกิจเกี่ยวกับภาคการส่งออก เช่น กกร. คาดติดลบ 2-0% สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ติดลบที่ 1.3-0.3% สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ติดลบที่ 1.8% แม้ภาพรวมธุรกิจจะดูไม่ดีในต่างประเทศ แต่ความเชื่อมั่นภาคการผลิตเพื่อการส่งออกไทย จำนวน 78% ตอบว่าการส่งออกยังขยายตัว แต่ขยายตัวน้อย หรืออาจจะคงที่อยู่ที่ 0% และส่วนที่ติดลบมีไม่ถึง 20%

ทั้งนี้ ในภาพรวมที่เหลือปี 2566 ซึ่งกลุ่มสินค้าอาหารเกษตร เช่น ข้าว มันสำปะหลัง สินค้าปศุสัตว์ น้ำมันปาล์ม ผัก-ผลไม้สดแปรรูป สินค้าประมง เครื่องดื่ม และอาหารสำเร็จรูป ฯลฯ จากที่พูดคุยกับผู้ประกอบการการส่งออกยังเป็นบวกที่ 2% ส่วนสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันจะติดลบ เช่น เม็ดพลาสติก ผลิตภัณฑ์พลาสติก ขณะที่สินค้าอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ชิ้นส่วน และเครื่องใช้ไฟฟ้า มีทิศทางเป็นบวกที่ 3-5% หรือคิดเป็น 30% ของมูลค่าส่งออก ขณะเดียวกัน กลุ่มเครื่องประดับ ตั้งเป้าอยู่ที่ 10% รวมถึงสินค้ากลุ่มไลฟ์สไตล์ ยังมีทิศทางเป็นบวกอยู่ที่ 2-3%

“กรมฯ จะเฝ้าระวัง และติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง แม้ประเทศสหรัฐ จะดีขึ้น แต่มีการใช้สอยในประเทศเป็นส่วนใหญ่ การนำเข้ายังมีข้อจำกัดในระเบียบทางการค้ามากขึ้น อัตราเงินเฟ้อโลก หากยังอยู่ระดับสูงกดดันประชาชนให้ใช้สอยอย่างจำกัด ขณะที่เศรษฐกิจจีน การส่งออกปี 2566 ได้ตั้งเป้าว่าการส่งออกจะขยายตัวที่ 1% แต่ขณะนี้ยังติดลบที่ 2.6% เนื่องจากจีนสนับสนุนให้มีการใช้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศ ซึ่งเป็นเรื่องท้าทาย” นายภูสิตกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image