กลยุทธ์ ‘ส่งออกไทย’ ครึ่งปีหลัง’67 อัด 50 กิจกรรมเพิ่มยอดค้า 5 หมื่นล.

กลยุทธ์‘ส่งออกไทย’ครึ่งปีหลัง’67 อัด50กิจกรรมเพิ่มยอดค้า5หมื่นล.

การประชุมรับฟังความเห็นและมอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ทั่วโลก โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ช่วงการจัดงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2024 ที่จัดระหว่างวันที่ 28 พฤษภาคม-1 มิถุนายนที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ โดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้นำเสนอเป้าหมายส่งออกและแผนผลักดันการส่งออกฉบับอัพเดต ดังนี้

เป้าส่งออก กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าทำงาน (working target) ผลักดันส่งออกปี 2567 ขยายตัว 1-2% ใกล้เคียงกับประมาณการล่าสุดของหน่วยงานรัฐและเอกชน อาทิ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เป้าบวก 0.5-1.5% ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) บวก 2% กระทรวงการคลัง บวก 2.3% โดยตัวเลขส่งออกอย่างทางการ 4 เดือนแรก 2567 มีมูลค่า 94,273.9 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 1.4% เฉพาะเดือนเมษายนมีมูลค่า 23,278.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และบวกถึง 6.8%

แผนครึ่งปีหลัง 2567 กิจกรรมสำคัญที่จะช่วยเร่งขยับตัวเลขการส่งออก มีกว่า 50 กิจกรรม และมีเป้าหมายสร้างมูลค่าการค้ารวม 50,834 ล้านบาท โดยมีกลยุทธ์ ดังนี้

1.เดินสายเปิดประตูโอกาสทางการค้าเชิงรุก อย่าง จัด Goodwill Mission นำโดยรัฐมนตรีเยือนตลาดเป้าหมาย ได้แก่ คาซัคสถาน แอฟริกาใต้ จัด Trade Mission ไปเจรจาการค้า สำรวจตลาดแอฟริกา (กานา แทนซาเนีย โมแซมบิก) ญี่ปุ่น (โอซาก้า) อินโดนีเซีย เมียนมา เป็นต้น

Advertisement

2.ขยายการค้า เจาะตลาดเมืองรอง ระดับมณฑล/เมือง/รัฐ ของประเทศคู่ค้าสำคัญและมีขนาดใหญ่ ด้วยการจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือในการส่งเสริมและอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน กับหน่วยงานภาครัฐระดับท้องถิ่น ซึ่งทำ MOU แล้ว 10 ฉบับกับเมืองรองไห่หนาน กานซู่ เซินเจิ้น ยูนนาน (จีน)/ วากายามา โคฟุ (ญี่ปุ่น) รัฐเตลังคานา (อินเดีย) ปูซาน คยองกี (เกาหลีใต้) วอร์ซอ (โปแลนด์)

ในส่วนตลาดจีนกระทรวงยังลงนาม MOU กับรัฐวิสาหกิจจีน 1 ฉบับ คือ Sinopec รัฐวิสาหกิจรายใหญ่ด้านพลังงานของจีน เพื่อผลักดันสินค้าไทยให้วางจำหน่ายในสถานีบริการน้ำมันของ Sinopec ที่มี 3 หมื่นสาขาทั่วจีน โดยมีแผนทำ MOU กับมณฑลของจีนเพิ่มเติมอีก 7 ฉบับ (เซียเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน มณฑลเฮยหลงเจียง มณฑลซานซี มณฑลเจ้อเจียง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง และมณฑลเหอเป่ย์/มณฑลชานตง)

3.สร้างกระแส/ใช้ประโยชน์จากซอฟต์พาวเวอร์ของไทย โดยสร้าง Story ให้สินค้าและบริการไทยเชื่อมโยงกับภาคบริการ เช่น ร้านอาหาร วัฒนธรรม ภาพยนตร์ แอนิเมชั่น และการท่องเที่ยว และขับเคลื่อนการส่งออก 11 อุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์เป้าหมายของรัฐบาล รุกสู่เวทีโลก (อาหาร กีฬา เฟสติวัล ท่องเที่ยว ดนตรี หนังสือ ภาพยนตร์ เกม ศิลปะ การออกแบบ และแฟชั่น) โดยกรมรับมอบหมายเป็นหน่วยงานประสานงานหลัก 2 ด้านคือ หนังสือและเกม และเป็นหน่วยงานสนับสนุนด้านแฟชั่น

Advertisement

ทั้งนี้ กรมเป็นเจ้าภาพร่วมจัดการประชุมนานาชาติด้านซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power Forum) ภายใต้ชื่องาน “THACCA SPLASH : Soft Power Forum” ระหว่างวันที่ 28-30 มิถุนายน 2567 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เป็นงานใหญ่ระดับชาติ กำหนดเป้าผู้เข้าชมงานกว่า 200,000 คน ประกอบด้วย ผู้บริหารภาครัฐ เอกชน คณะทูตานุทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย ประชาชนทั่วประเทศ ภาคธุรกิจไทยและต่างประเทศ

4.การใช้ Marketing Platform รูปแบบใหม่ คิดนอกกรอบ เพื่อโอกาสใหม่ๆ อย่างเช่นต้นปี ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนง (MOI) กับบริษัท Be on Cloud ผู้ผลิตภาพยนตร์และซีรีส์วายระดับโลก และบริษัท Idol Factory ผู้ผลิตซีรีส์ยูริ ส่งเสริม ยกระดับสินค้าและบริการของไทย ผ่านภาพยนตร์/ซีรีส์วาย และซีรีส์ยูริ โครงการคัดเลือกสินค้าไทยสู่สากลผ่านซีรีส์ ชาย (Shine) และซีรีส์ ปิ่นภักดิ์ อยู่ระหว่างดำเนินการคัดเลือกสินค้าจากชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ นำไปสอดแทรก (tie in) ไว้ในฉากของซีรีส์ เพื่อสร้างการรับรู้ จดจำสินค้าไทย และทำให้ผู้ชมในต่างประเทศ อยากซื้อ อยากใช้สินค้าไทย

5.การใช้ผู้มีอิทธิพลในโลกออนไลน์/อินฟลูเอนเซอร์ในแต่ละประเทศ ช่วยเพิ่มช่องทางให้คนรู้จักสินค้าไทยมากขึ้น และสร้างความต้องการสินค้าไทย ด้วยการรีวิวสินค้าให้กับผู้ติดตามได้รับชม

6.การใช้ร้านอาหาร Thai SELECT ในต่างประเทศเป็นเสมือนโชว์รูมสินค้า รวมถึงสินค้า soft power ไทย อาทิ ดนตรีเพลงป๊อปสไตล์ไทย (T-POP) ซีรีส์หรือภาพยนตร์ไทย เป็นต้น

7.ขยายตลาดผ่านช่องทางการค้าออนไลน์ข้ามพรมแดน โดยจัดทำความร่วมมือกับแพลตฟอร์มต่างชาติ เพิ่มเติม และจัดตั้งร้าน TOPTHAI ปัจจุบันเปิดร้าน TOPTHAI แล้วบน 9 แพลตฟอร์มของ 10 ประเทศ คือ Amazon สหรัฐ Tmall จีน Bigbasket อินเดีย Klangthai.com กัมพูชา Blibli.com อินโดนีเซีย PChome ไต้หวัน Shopee (สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์) Lazada (สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์) และล่าสุด Rakuten (ญี่ปุ่น)

แผนงานใหม่ช่วงครึ่งหลัง 2567 คือ
1.การยกระดับตรา Thai Select และสร้างภาพลักษณ์ให้เป็น Global Brand ระดับโลก โดยอยู่ระหว่างทำ Brand Health Check และจัดกิจกรรมใหญ่ Thai SELECT Global Launch ประชาสัมพันธ์สร้างกระแสการรับรู้ในวงกว้างในทุกภูมิภาคทั่วโลก และจัด Roadshow ภายใต้โครงการส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารไทยสู่อาหารโลก

2.การจัดมหกรรม International Live Commerce ปลายกรกฎาคม-ต้นสิงหาคม 2567

3.โครงการสร้างแบรนด์ประเทศไทย ด้วยการสร้าง Content สื่อโฆษณา ประชาสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ จัดทำแคมเปญระดับประเทศ ต่อยอด Think Thailand

ทั้งนี้ แผนกิจกรรมครึ่งปีหลัง สำหรับการจัดในประเทศไทย จะจัดงานแสดงสินค้านานาชาติอีก 5 งานคือ งาน THAIFEX Anuga Asia เป้า exhibitors 3,100 บริษัท คาดมูลค่าสั่งซื้อ 34,035 ล้านบาท งาน Bangkok International Digital Content ระหว่างวันที่ 5-8 สิงหาคม งาน TILOG-LOGISTIX ระหว่าง 15-17 สิงหาคม งาน Bangkok E&E และ Bangkok RHVAC ระหว่างวันที่ 4-7 กันยายน งาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ระหว่างวันที่ 9-13 กันยายน

สำหรับการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ ซึ่งจะมีทุกเดือน อาทิ สินค้าไลฟ์สไตล์ INDEX ณ นครดูไบยูเออี งานด้านสินค้า BCG Naturally Good Expo ซิดนีย์ ออสเตรเลีย งานธุรกิจ Tech Startup Next Rise Seoul โซล เกาหลีใต้ งานอาหาร SEOUL FOOD & HOTEL โซล เกาหลีใต้ งานหนังสือ Seoul International Book Fair โซล เกาหลีใต้ งานแอนิเมชั่น Festival International du Film d’Animation d’Annecy ฝรั่งเศส งานสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง Taipei Pet Show ไต้หวัน งานอาหาร Fine Food Australia ซิดนีย์ ออสเตรเลีย งานสินค้าแฟชั่น Who’s Next ปารีส ฝรั่งเศส งานสินค้าอุปโภคบริโภค China-ASEAN Expo (CAEXPO) หนานหนิง จีน อาหารและเครื่องดื่ม งาน Americas Food & Beverage Show ไมอามี สหรัฐ

งานยานยนต์และชิ้นส่วน AAPEX ลาสเวกัส สหรัฐ ในส่วนงานแสดงสินค้าไทยใน ตปท. (TOP Thai Brands /Thailand Week) ที่กรุงธากา บังคลาเทศ (10-13 ก.ค.) กรุงโคลัมโบ ศรีลังกา (12-14 ก.ค.) คุนหมิง จีน (23-28 ก.ค.) Thailand Week ณ นิวเดลี อินเดีย

ทั้งนี้ งาน TOPTHAI Cross Border e-Commerce Day 2024 อีกไฮไลต์ในปีนี้ เพื่อประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายสินค้าไทยในร้าน TOPTHAI บนแพลตฟอร์มชั้นนำที่เป็นพันธมิตรกรม รวมถึงเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะเอสเอ็มอีให้มีโอกาสขยายการค้าไปสู่เวทีการค้าในตลาดโลกผ่านช่องทางออนไลน์ได้ ด้วยการจัดกิจกรรม สัมมนา กิจกรรมเจรจาการค้าและสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ กิจกรรม Live ขายสินค้าในร้าน TOPTHAI ผ่านแพลตฟอร์มพันธมิตร จัดพื้นที่แสดงสินค้าของผู้ประกอบการภายใต้โครงการ TOPTHAI และคูหาสำหรับพันธมิตรของกรม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image