กรุงไทย คาดเงินเฟ้อขยับตามดีเซล ชี้กำลังซื้อผู้บริโภคยังอ่อนแอ

แฟ้มภาพ

กรุงไทย คาดเงินเฟ้อขยับตามดีเซล ชี้กำลังซื้อผู้บริโภคยังอ่อนแอ

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน รายงานข่าวจากศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วงที่เหลือของปี 2567 มีแนวโน้มขยับขึ้นตามทิศทางราคาอาหารสดที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัญหาด้านสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนส่งผลให้อุปทานโดยรวมในตลาดลดลง และราคาพลังงานที่จะขยับตามการขยายเพดานราคาน้ำมันดีเซล ส่วนหนึ่งจากฐานราคาค่ากระแสไฟฟ้าเดือนพฤษภาคม 2566 ที่ต่ำ

รายงานข่าวระบุว่า ราคาน้ำมันดีเซลได้ทยอยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงที่ผ่านมาตามการสิ้นสุดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ 30 บาทต่อลิตร และทางการได้ขยายเพดานตรึงราคาน้ำมันดีเซลเป็นระดับ 33 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน-31 กรกฎาคม 2567 ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลขายปลีกปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 33 บาทต่อลิตร ตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม 2567 และคาดว่าราคาน้ำมันดีเซลจะยืนที่ระดับ 33 บาทต่อลิตรในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากประเมินว่ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงต้องเก็บเงินชดเชยเข้ากองทุนที่ติดลบสูงถึง 1.1 แสนล้านบาท

รายงานข่าวจากศูนย์วิจัย Krungthai COMPASS ระบุว่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 0.8% เพิ่มขึ้นตามต้นทุนราคาสินค้าเป็นสำคัญ อัตราเงินเฟ้อในระยะข้างมีแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าจะถูกขับเคลื่อนจากเงินเฟ้อในหมวดอาหารสดและหมวดพลังงานเป็นหลัก ซึ่งเป็นสินค้าที่มีความผันผวนสูง สะท้อนถึงต้นทุนราคาสินค้าภายในประเทศที่อยู่ในระดับสูง

Advertisement

รายงานข่าวระบุว่า อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อหมวดพื้นฐาน (ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน) ยังมีแนวโน้มทรงตัวในระดับต่ำต่อเนื่อง โดยอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีเฉลี่ยอยู่ที่ 0.42% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโควิด-19 (ปี 2560-2562) ที่ 0.6% บ่งชี้ว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคยังอ่อนแอ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีนี้

สำหรับอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเดือนพฤษภาคม 2567 ที่ขยายตัว 1.54% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นบวกติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 และสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ จากราคาสินค้าหมวดพลังงานที่พลิกกลับมาขยายตัว ตามค่ากระแสไฟฟ้าและราคาน้ำมันกลุ่มเบนซิน เนื่องจากฐานราคาที่ต่ำในปีก่อน ประกอบกับราคาหมวดอาหารสดกลับมาขยายตัว จากราคาผัก ผลไม้ และไข่ไก่ ที่ขยายตัวเร่งขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศร้อนทำให้ปริมาณผลผลิตออกสู่ตลาดน้อยลง

ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.39% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ทรงตัวจากเดือนก่อนหน้า โดยราคาสินค้าที่ปรับเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ของใช้ส่วนตัว (เช่น แป้งทาผิวกาย ยาสีฟัน) ค่าโดยสารสาธารณะ และค่าเล่าเรียน-ค่าธรรมเนียมการศึกษา เป็นต้น ส่วนราคาสินค้าที่หดตัว ได้แก่ เสื้อผ้า และอุปกรณ์ซักล้างทำความสะอาด เป็นต้น ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อทั่วไป 5 เดือนแรกของปีอยู่ที่ -0.13%เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.42% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีที่ผ่านมา

Advertisement

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image