โรงสีอีสานเลือกนายกใหม่ 6 ก.ค. ถกปัญหาทุนจีน ห่วงปมเช่าที่ดินเปิดช่องแทรกแซงภาคเกษตร

โรงสีอีสานจัดประชุมใหญ่ 6 ก.ค. เลือกนายกคนใหม่ เปิดเวทีถกปัญหาสภาพคล่อง ห่วงทุนจีนแทรกธุรกิจพื้นบ้าน

เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน นายวิชัย ศรีนวกุล นายกสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือและเจ้าของโรงสีเจริญผล เปิดเผยว่า ในวันที่ 6 กรกฎาคมนี้ สมาคมจะมีการประชุมใหญ่ ที่ จ.ขอนแก่น โดยวาระสำคัญของสมาคมจะเป็นการคัดเลือกกรรมการและนายกสมาคมคนใหม่ ซึ่งตนได้ครบวาระการเป็นนายกสมาคมแล้ว 4 ปี พร้อมกันนี้จะเปิดรับฟังสถานการณ์ของธุรกิจโรงสี ปัญหาและข้อเรียกร้องต่างๆ ของผู้ประกอบการโรงสี และขอมติการการซื้ออาคารเพื่อเป็นสำนักงานของสมาคมโรงสีข้าวภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง จ.นครราชสีมา โดยใช้งบประมาณจากสมาชิกต่างๆในการสนับสนุนประมาณ 10 ล้านบาท จุดประสงค์เพื่อให้เป็นองค์กรที่มั่นคงยั่งยืนในอนาคต เป็นจุดส่วนร่วมของกลุ่มโรงสีภาคอีสาน และเป็นช่องทางการนำเสนอปัญหาและข้อเสนอต่างๆ ต่อหน่วยงานต่างๆ และรัฐบาล

นายวิชัยกล่าวว่า ขณะนี้มีสมาชิกที่เป็นผู้ประกอบการโรงสีในภาคอีสาน 160 โรงสี และครบทุกจังหวัดในภาคอีสาน โดยการประชุมใหญ่เพื่อเลือกตั้งนายกสมาคมและกรรมการชุดใหม่ ต้องการให้มีคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารสมาคม และเป็นตัวแทนต่อการพบปะภาครัฐ ซึ่งสมาชิกทุกรายมีความพร้อมที่จะเข้ามารับช่วงการบริหารจัดการสมาคม

นายวิชัยกล่าวต่อว่า สำหรับประเด็นในการเปิดรับฟังความเห็นต่างๆ นั้น ประเด็นหลักที่มีการพูดคุยและได้รับการร้องเรียนมาตลอด คือการลดภาระและปัญหาสภาพคล่อง ได้แก่ 1.การที่สถาบันธนาคาร ซึ่งธนาคารกรุงไทย ที่เป็นธนาคารหลักปล่อยสินเชื่อเงินกู้ให้กับโรงสีภาคอีสานยังเข้มงวดต่อการปล่อยวงเงินสินเชื่อ ได้มีการลดลงเงินจากเดิมเคยปล่อยสินเชื่อให้เกือบครึ่ง บางรายเหลือไม่ถึง 40% หรือบางรายได้ไม่เกิน 70% ของวงเงิน ทั้งที่เป็นโรงสีขนาดใหญ่และมีศักยภาพเพียงพอกับการค้าขาย เป็นเรื่องที่ต้องมาพูดคุยและรับฟังในการประชุมครั้งนี้ จากที่ได้รับการร้องเรียนอยากให้ตัดทอนเพียง 10-20% จากวงเงินที่เคยได้รับสินเชื่อในอดีต ด้วยขณะนี้ต้นทุนข้าวสูงขึ้น ค่าใช้จ่ายบริหารจัดการมากขึ้น และราคาข้าวสูง ตลาดซื้อขายและส่งออกยังทรงตัวดี รวมถึงการผลักดันหน่วยงานรัฐ เช่น กระทรวงพาณิชย์ในการเร่งสะสางคดีคงค้างต่างๆ เพราะมีผลต่อเครดิตของโรงสี

Advertisement

“โรงสีถูกปรับลดวงเงินสินเชื่อมาหลายปีก็เข้าใจได้ เพราะติดเรื่องโควิด-19 และตลาดค้าข้าว แต่วันนี้ตลาดค้าข้าวขยายตัวได้ต่อเนื่อง ซึ่งการจะเพิ่มวงเงินสินเชื่ออย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 10% หรือมีเงินเพิ่มอีก 5 แสนถึง 1 ล้านบาท ก็จะดีต่อการวางแผนเพื่อรับซื้อข้าวเปลือกนาปี 2567/68 ที่ออกสู่ตลาดในปลายปีพอดี ซึ่งประเมินว่าผลผลิตข้าวเปลือกหอมมะลิ นาปีฤดูกาลผลิต2567/68 น่าจะได้ 7 ล้านตัน ใกล้เคียงกับนาปี 2566/67

อีกเรื่องที่จะหารือในการประชุมคือ ราคารับประกันของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สำหรับโครงการเก็บข้าวในยุ้งฉาง ชะลอการระบายข้าวออกสู่ตลาดพร้อมกันเพื่อลดผลผลิตล้นตลาดและราคาตกต่ำ อยากให้อยู่ที่ 13,500 บาทต่อตัน รวมกับเงินสนับสนุนค่าใช้จ่ายเก็บฝากอีก 1,500 บาทต่อตัน ก็จะได้ข้าวเปลือกหอมมะลิในราคา 15,000 บาท จะทำให้ชาวนามีรายได้พอเลี้ยงครอบครัวและมีกำลังใจต่อการทำนาต่อไป หรือไม่ควรต่ำกว่า 13,000 บาท” นายวิชัยกล่าว

นายวิชัยกล่าวอีกว่า อีกเรื่องที่ผู้ประกอบการโรงสีกำลังจับตาคือ ทุนต่างชาติกำลังเข้ามาศึกษาและหาทางเข้ามาทำธุรกิจโรงสีข้าวในไทย โดยเฉพาะนักลงทุนจากจีน กำลังเป็นกระแสในขณะนี้ จึงต้องจับตาเรื่องหลักเกณฑ์ใหม่ของภาครัฐด้วยที่จะสนับสนุนการลงทุน หรือการเข้ามาซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยหรือเช่าในเวลายาวขึ้นจะเป็นผลต่อเนื่องถึงภาคเกษตร โดยเฉพาะโรงสีที่เป็นไทยมีความเข้มแข็ง จะมีการเข้าแย่งชิงตลาดจากทุนต่างชาติหรือไม่ โดยผลประชุมจะรวบรวมและนำเสนอภาครัฐต่อไป

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image