กรมส่งเสริมเกษตร เร่งเครื่องยกระดับเกษตรมูลค่าสูงนำร่อง11 แปลงทั่วประเทศ

กรมส่งเสริมเกษตร เร่งเครื่องยกระดับเกษตรมูลค่าสูงนำร่อง11 แปลงทั่วประเทศ

นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ยกระดับภาคเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง เพื่อยกระดับฟาร์มเกษตร เกษตรกรต้องจัดการฟาร์มหรือแปลงเกษตรอย่างถูกต้อง เพื่อยกระดับภาคเกษตรสู่เกษตรมูลค่าสูง รองรับการเปลี่ยนแปลงในมิติด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม และสังคม ความก้าวหน้าด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัย ขาดแคลนแรงงาน รวมถึงรูปแบบการบริโภคที่เปลี่ยนไป ล้วนเป็นความท้าทายของภาคการเกษตร เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ให้เกษตรกรมีรายได้ 3 เท่าใน 4 ปี

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า ขณะนี้วางแผนในการนำร่อง 11 แปลงเกษตร ใน 9 จังหวัด ได้แก่ แปลงใหญ่กล้วยไม้ จังหวัดสมุทรสาคร แปลงใหญ่หน่อไม้ฝรั่ง จังหวัดขอนแก่น แปลงใหญ่กาแฟ จำนวน 3 กลุ่ม 3 จังหวัด น่าน แม่ฮ่องสอน พะเยา แปลงใหญ่มะพร้าวน้ำหอม จำนวน 2 กลุ่ม 2 จังหวัด ได้แก่ ราชบุรี และสมุทรสงคราม และแปลงใหญ่ลำไย จำนวน 4 กลุ่ม 4 จังหวัด ได้แก่ เชียงราย เชียงใหม่ น่าน ลำพูน

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า การรองรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น เกษตรกรที่จะเข้าสู่การทำเกษตรมูลค่าสูง จะต้องเข้าใจและมีกลยุทธ์ที่นำไปสู่การปฏิบัติใน 3 ส่วน คือ 1.การจัดการพื้นที่แปลงเกษตร เป้าหมายคือปรับเพิ่มผลิตภาพการผลิต (Improve Productivity) เกษตรกรจะต้องเข้าใจพื้นที่และสามารถจัดการพื้นที่การเกษตรของตนเองได้ โดยต้องออกแบบวางผังแปลงให้เหมาะสมกับสภาพพื้นที่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการ ลดการใช้ทรัพยากรทั้งวัตถุดิบ วัสดุอุปกรณ์และแรงงาน ทำให้ต้นทุนต่อไร่ลดลง เกษตรกรจะต้องรู้จักพืชที่จะปลูก อาทิ พืชต้องการแสงแดดมาก หรือพืชที่ต้องการดูแลเป็นพิเศษ จะปลูกในตำแหน่งใด รวมถึงเกษตรกรควรทำความรู้จักดินในพื้นที่แปลงปลูก เช่นเดียวกับน้ำ ควรวิเคราะห์ความต้องการใช้น้ำตลอดทั้งปี

Advertisement

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า 2.เกษตรกรต้องเรียนรู้การใช้ประโยชน์จากความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรม ต้องอ่านข้อมูลได้ ใช้ให้เป็น ซึ่งเป็นสิ่งที่กรมส่งเสริมการเกษตรจะต้องช่วยสร้างทักษะให้เกิดการเรียนรู้กับเกษตรกร ปี 2567 กรมส่งเสริมการเกษตรได้จัด อบรมหลักสูตรต่างๆ ให้กับเกษตรกร อาทิ Growth Mind Set & Anti Fragile มีความเชื่อว่าความสำเร็จเกิดขึ้นได้จากการเรียนรู้ ความพยายาม และการฝึกฝน และเมื่อล้มเหลวจะพยายามมากขึ้น ถือเป็นคุณสมบัติที่สำคัญต่อการประกอบธุรกิจ จะช่วยให้เกษตรกรรับมือกับเหตุการณ์ผิดปกติ รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรเข้าถึงการใช้เทคโนโลยีชีวภาพ อาทิ เทคโนโลยีเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ทำให้สามารถบริหารจัดการผลผลิตและควบคุมคุณภาพได้ นอกจากนี้ เกษตรกรควรมีการวางแผนการเงิน เพื่อให้สามารถทราบรายได้ รายจ่ายตลอดปี และวางแผนการเงิน สอดคล้องกับช่วงเวลาเก็บเกี่ยวให้ผลผลิต เรียนรู้ และเข้าใจตามช่วงอายุของเกษตรกร

นายพีรพันธ์ กล่าวว่า และ ส่วนที่ 3 การจัดการผลผลิต การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน การจัดการข้อมูล และการวิเคราะห์ข้อมูล เกษตรกรต้องวางแผนการผลิตตั้งแต่ต้นทาง เพื่อควบคุมคุณภาพ ให้เกษตรกรสามารถผลิตสินค้าเกษตรได้ ตามมาตรฐานจีเอพี หรือมาตรฐานต่างๆ สร้างความประทับใจให้ผู้บริโภคเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ รวมถึงเรียนรู้การทักษะด้านการตลาดและการตลาดแม่นยำ การจัดการแม่นยำ การเก็บเกี่ยวแม่นยำ

Advertisement

“จากแปลงนำร่อง จำนวน 11 แปลง ในพืช 5 ชนิด นักส่งเสริมการเกษตรได้ร่วมวิเคราะห์และประเมินความเหมาะสมทางกายภาพและชีวภาพเพื่อวางแผนร่วมกับเกษตรกร ทั้ง 11 แปลง อาทิ แปลงใหญ่กล้วยไม้สมุทรสาคร ได้ทำการทดสอบคุณภาพของน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ พบว่าต้องปรับปรุงคุณภาพน้ำให้เหมาะสมกับพืชก่อน ซึ่งนักส่งเสริมการเกษตรได้ประสานหน่วยงานเพื่อให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับเกษตรกร ส่งเสริมวิธีการจัดการศัตรูพืชแบบผสมผสานด้วยวิธีกล โดยใช้แผ่นกับดักกาวเหนียวช่วยลดศัตรูทางธรรมชาติ การเพิ่มช่องทางจำหน่าย โดยอยู่ระหว่างให้เกษตรกรประเมินปริมาณผลผลิตต่อวัน และต้นทุน เพื่อให้สามารถจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อได้” นายพีรพันธ์ กล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image