เปิดตัวอย่างธุรกิจเพื่อนซี้ จับมือขายเครื่องสำอาง ‘ทีเอที’ โชว์ 7 ปีรายได้แตะ 1.2 พันล้าน

วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 - 20:26 น.

นายธนธัส ถนอม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีเอที คอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า ปี2567 บริษัทดำเนินการมาครบ 7 ปี ตั้งเป้ายอดขายเพิ่มเท่าตัว แตะ 1,200 ล้านบาท ปี 2568 ยอดขายเพิ่มเป็น 2,000 ล้านบาท และตั้งเป้าครบ 10 ปียอดขายเกิน 3,000 ล้านบาท โดยแผนทางธุรกิจช่วง 3 ปีจากนี้ เน้นทั้ง 3 ด้าน คือ 1. การวิจัยและพัฒนาสินค้าใหม่รวมกับเจ้าของเทคโนโลยีในยุโรป รวมถึงเพิ่มแบรนด์ใหม่ 2.ขยายช่องทางตามกระแสนิยม ผ่านทั้งออนไลน์และออฟไลน์ 3. ระดมทุนเพื่อการลงทุนขยายโรงงานผลิตและการประกอบธุรกิจอย่างยั่งยืน(อีเอสจี) โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรีมความพร้อมเพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยภายในปี 2568 ซึ่งในแต่ละปีบริษัทจะใช้งบ 3% ของยอดขายเพื่อการวิจัยและพัฒนาสินค้า ใช้งบ 10% ของยอดขายในการทำตลาด และกำลังหาที่ดินในจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่และเพิ่มกำลังการผลิตรองรับแผนขยายการขายทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงเป็นบริษัทรับจ้างผลิตเครื่องสำอาง คาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท กำหนดเริ่มเดินเครื่องจักรไตรมาสแรกปี 2568 เริ่มกำลังผลิต 1.2 ล้านชิ้นต่อเดือน

“ผมเคยทำงานในโรงงานผลิตเครื่องสำอางมาก่อน ก็มีความฝันจะพัฒนาสินค้าและแบรนด์ของตนเอง จึงได้ชวนเพื่อนที่เรียนมาด้วยกัน จับตลาดสินค้าที่คนต้องใช้ ราคาที่เหมาะสม หาซื้อง่าย มีนวัตกรรมที่เป็นส่วนผสมเฉพาะของเราเอง บวกกับการทำตลาดเจาะถึงวัยรุ่น ผ่านอีคอมเมิร์ช จึงมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว ผมเชื่อว่ายังมีคนแบบผมที่ต้องการมีธุรกิจของตนเอง แต่อาจยังไม่เข้าถึงนวัตกรรมหรือเงินทุน รวมถึงแข่งขันไม่ได้กับแพลตฟอร์มต่างชาติ เป็นสิ่งที่อยากให้รัฐบาลเข้ามาดูแลและให้โอกาสการเป็นสตาร์ตอัพของเด็กไทยให้มากขึ้น และเห็นด้วยกับการดูแลสินค้านำเข้าผ่านการขายอีคอมเมิร์ชในราคาถูก อย่างไม่เกิน 1,500 บาท ไม่ต้องเสียภาษี ขณะที่ผลิตในไทยต้องเสียภาษีหลายส่วน เช่น ภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้การตั้งราคาสินค้าในประเทศสูงกว่านำเข้า” นายธนธัส กล่าว

นายชยธร เมฆทันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพาณิชย์ บริษัท ทีเอที คอร์ปอเรชั่นจำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาส3 ปีนี้ บริษัทจะออกแบรนด์ใหม่ กลุ่มเมคอัพ เจาะนักเรียน วัยรุ่น คนเริ่มทำงาน ในราคา120-390 บาท/ชิ้น จากปัจจุบันมีแล้ว 3 แบรนด์ คือ แพลนท์เนอรี่ เน้นบำรุงและรักษาผิวหน้า ,กราวิช เน้นดูแลผิวหน้า และ เจเคเอ็กซ์แล็บ สกินแคร์ราคาจับต้องได้ ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์กลุ่มทำความสะอาด(ล้างออก) บริษัทมีส่วนแบ่งเกิน 3% จากมูลค่าตลาดรวม 7,000 ล้านบาท จากตลาดเครื่องสำอางทุกชนิดประมาณ 200,000 ล้านบาท ทั้งนี้ แม้เครื่องสำอางเป็นสินค้าที่่จำเป็นและเติบโตได้ดีในภาวะกำลังซื้อโดยรวมไม่ดีนัก แต่การแข่งขันที่สูงและผลกระทบจากความกังวลต่อปัจจัยภายนอกและภายในประเทศ ทำให้ทุกบิรษัทต้องแข่งขันหากิจกรรมจูงใจลูกค้า ล่าสุดจับมือกับไอแอม และดรีมเมอร์ส์ เพื่อสร้างความบันเทิงผ่านรูปแบบ ช้อปเทนเม้นท์ เป็นครั้งแรกทำกิจกรรมการตลาดร่วมกับศิลปิน ซึ่งมั่นใจจะได้การสนับสนุนและการรับรู้ในแบรนด์สินค้าจากฐานแฟนคลับศิลปินและผลักดันยอดขายเพิ่มขึ้น