เมื่อวันที่ 29 มีนาคม เวลา 13.00 น. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ โครงการสตรีและเยาวชนศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดเสวนาพิเศษในหัวข้อเรื่อง “กว่าจะเป็นภิกษุณีธัมมนันทา” โดย รศ.ดร.ฉัตรสุมาลย์ กบิลสิงห์ หรือภิกษุณีธัมมนันทา เป็นวิทยากร มี ผศ.จุไรรัตน์ จันทร์ธำรง ผู้วิจัย และนางสาวมาลี พฤกษ์พงศาวลี รองประธานกรรมการโครงการสตรีและเยาวชนศึกษา เป็นผู้ดำเนินงาน โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมกิจกรรมจำนวนมาก
ภิกษุณีธัมมนันทา กล่าวว่า เมื่อปี พ.ศ.2513-2515 เป็นอาจารย์ประจำภาควิชาปรัชญาและศาสนา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยทางธรรมศาสตร์ไม่เคยปิดกั้นการเรียนรู้ ส่วนทางนักศึกษาก็ได้ความรู้ เพราะเมื่อครั้งเป็นอาจารย์ก็เคี่ยวเข็ญลูกศิษย์เต็มที่ และได้ลาออกจากการเป็นอาจารย์เมื่อ พ.ศ.2544 บรรพชาเป็นสามเณรี โดยได้ฉายาว่า “ธัมมนันทา” และบวชเป็นภิกษุณีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2546 โดยสืบสายจากสยามวงศ์ วัดดัมบุลละ ประเทศศรีลังกา นับเป็นภิกษุณีสายเถรวาทรูปแรกของประเทศไทย
“การบวชเป็นภิกษุณีในประเทศไทยนั้นไม่มี หากต้องการบวชเป็นภิกษุณีจะต้องบวชที่ต่างประเทศ อย่างเช่นที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย ที่สามารถบวชได้ โดยจะถูกจำกัดสิทธิต่างๆ จากมหาเถรสมาคม ซึ่งคำสั่งนี้เกิดขึ้นเมื่อ พ.ศ.2471 โดยให้เหตุผลว่า ระบบของภิกษุณีได้หมดไปจากไทยแล้ว แต่ในความเป็นจริงภิกษุณีเป็นพุทธบริษัท 4 ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าบัญญัติไว้ตั้งแต่ต้น จนถึงปัจจุบันก็ยังใช้คำสั่งเดิม รวมไปถึงการเก็บภาษีวัตรทรงธรรมกัลยาณี การเก็บเงินค่าโดยสารเวลาขึ้นรถโดยสารกับภิกษุณี หรือการใช้คำนำหน้าจากบัตรทางราชการต่างๆ ที่ยังใช้คำว่า นางหรือนางสาว ตลอดจนการรักษาพยาบาล
“สืบเนื่องจากการไม่ยอมรับ ขณะนี้มีการดำเนินเรื่องการมีภิกษุณีในประเทศไทยผ่านทางรัฐบาล โดยไม่ผ่านมหาเถรสมาคม เพราะหากดำเนินผ่านมหาเถรสมาคมก็จะกลับเข้าสู่การไม่ยอมรับดังเดิม” ภิกษุณีธัมมนันทากล่าว