สุดกลั้น ต้อม รชนีกร เผยทั้งน้ำตา ฟ้อง 50 ล้าน ศัลยกรรมพลาดทำหน้าพังตลอดชีวิต

สุดกลั้น ต้อม รชนีกร เผยทั้งน้ำตา ฟ้อง 50 ล้าน ศัลยกรรมพลาดทำหน้าพังตลอดชีวิต

จากกรณีที่นักแสดงชื่อดัง ต้อม รชนีกร พันธุ์มณี ได้ตัดสินใจทำศัลยกรรมผ่าตัดใบหน้าใหม่ในวัย 52 ปี ที่สถาบันเสริมความงามชื่อดังแห่งหนึ่ง และเกิดการศัลยกรรมผิดพลาด ทำให้มีการเดินหน้าฟ้องร้องสถาบันเสริมความงามดังกล่าว จำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้าน โดยจะฟ้องโรงพยาบาลและคุณหมอที่ทำการคนผ่าตัด

ล่าสุดนักแสดงสาวและ เชอร์เบท กันต์กนิษฐ์ โอฬาฬาร ที่ปรึกษาทางกฎหมาย ได้มีการออกมาแถลงข่าวถึงประเด็นดังกล่าว ณ โรงแรมอลิซาเบธ เขตพพญาไท กรุงเทพฯ โดยก่อนที่จะเริ่มแถลงต้อม รชนีกร ได้มีการเปิดคลิปเสียงให้ขณะที่โทรคุยกับทางเจ้าของสถาบันเสริมความงามก่อนจะเล่าว่า

ต้อม: “ต้องขออนุญาตว่าอาจจะนิสัยไม่ดีนิดนึงที่ได้มีการอัดเสียงของเขาไว้ เพราะว่าที่ผ่านมาที่มีเรื่องจะออกจากโรงพยาบาลมา มันมีการตกลงที่มันไม่ตรงกันสักที่หนึ่ง พูดทีทำทีอยู่อย่างนี้ แล้วมันก็เลยมีความรู้สึกว่า ถ้าเราไม่อัดไว้ คนก็จะไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรและตัวเขาเองก็จำไม่ได้ว่าเขาพูดอะไรขึ้นมา ถูกไหมคะ เราก็เลยให้รู้มาว่า เขาพูดขึ้นมาว่าเขาไม่เคยออกข่าวไม่เคยออกสื่อ ไม่เคยส่งข่าวอะไรใดๆ เลยแม้กระทั่งผู้จัดการที่ทางโรงพยาบาล ที่ผู้จัดการของแม่โทรไปถาม หรือไลน์ไปถาม”

Advertisement

เราไม่ได้มีการตกลงกับทางคลินิกใช่ไหม?
ต้อม: “มันมีการตกลง แต่ว่าการตกลงของเขาเขาไม่ได้ทำตามอย่างที่เขาตกลงและเขาก็ละเมิดจากเราตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาเอาภาพไปลงแล้ว”

วันนี้ที่เดินหน้าฟ้องคลินิกเกิดจากสาเหตุอะไร?
ต้อม: “ได้มีการพูดคุยกันไว้ก่อนที่เราจะออกจากโรงพยาบาลเลย ว่าเรื่องการส่งข่าวใดๆ รอให้พี่ต้อมสวยก่อน แล้วเราค่อยทำเรื่อง หลังจากนั้นมีวันเกิดของเราที่จะเห็นว่าไปหน้าคล้ายแอนนา ทีวีพูล ก็เริ่มมีกระแสหลายอย่าง และก่อนหน้านี้เขาก็เคยออกมาพูดเหมือนกันว่าต้อมใช้ชีวิตลำบากมากไม่งั้นจะให้ผ่าหนัาเหรอ ต้องมีการติดสติกเกอร์ เราก็เลยมีความรู้สึกว่าถ้าปล่อยพูดไปจะมีการพูดไปเยอะแยะมากมายก่ายกอง นอกจากภาพที่คุณทำหลุดตั้งแต่เริ่มแรกที่เราได้มีการคุยกันไว้เอาไว้เรียบร้อยแล้วว่า หลังจากนี้ไปเราต้องตามสัญญานะ จะต้องคุยกันทั้งสองฝ่ายก่อนแล้วค่อยนำเสนอ พอดีมีภาพวันเกิด แม่ก็ยอมให้ถ่ายเพราะแม่คิดว่าคลิปวันเกิดเขาคงจะเอาไปใช้รวมตอนที่เราสวยแล้ว แต่หลังจากวันเกิดเขาลงคลิปเลย การลงคลิปครั้งนี้เป็นคลิปที่เขาไม่ได้ขออนุญาตเรา ตามที่เขาได้พูดเอาไว้ก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล ทำให้เกิดกระแสมากมายว่าหน้าเหมือนคนนู้นคนนี้ หลังจากนั้นรายการคุยแซ่บshow ก็เอาแม่ไปออกรายการ แล้วเขาก็ไปโพสต์คลิป ว่าไปพูดให้เขาเสียหาย ซึ่งแม่ก็ไม่เข้าใจว่าไปพูดให้เขาเสียหายตรงไหน เขาไปออกคลิปประมาณว่า เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมที่ทำมาเยอะแยะมากมาย แล้วก็ไปหาเขา เพื่อให้เขาแก้ให้ แม่ไม่เข้าใจว่า ใช้ประโยคนี้มันใช้ได้เหรอ คือเบี่ยงเบนทุกอย่างเลย พอแม่ไปออกรายการเสร็จแล้วเขาก็โทรมาคุยส่วนตัว แต่ไม่ได้คุยกับแม่ เขาโทรไปหาแฟนว่า พี่ไม่เคยรู้เลยค่ะว่าน้องต้อมมีงาน เป็นงานสกินที่ถูกยกเลิกไป ซึ่งจะบอกไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะเราบอกว่า มีการแต่งภาพ ฝ้ากระก็มาแบบนี้แล้วอย่างนี้คืองานของหนูเสีย แล้วเขามาคุยกับแฟนพี่ทีหลังว่าเขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีงานสกินแล้วก็มาขอโทษ (เปิดคลิปสนทนาระหว่างสถาบันความงามกับแฟนของต้อม เรื่องการแต่งภาพฝ้ากระ ส่งผลต่อเสียต่องานสินค้าสกินที่รับไวั)“

Advertisement

คือเป็นการเจรจากันไม่ลงตัว?
ต้อม: “มันไม่ใช่แค่การเจรจาไม่ลงตัว แต่การเจรจาไม่ลงตัวมันเริ่มตั้งแต่แรกมากกว่า แต่พออยู่มาสักพักเราถึงรู้ว่ามันเกิดความต่างหลังจากนี้ มันไม่ใช่แค่นี้แต่มันเกิดตั้งแต่ระยะเวลาเดือนธันวาคม ไปจนถึงปัจจุบันนี้ เราไม่เคยออกสื่อ เราไม่เคยไปใดๆ ทั้งสิ้น แต่ ณ ตอนนี้เราอยู่นิ่งไม่ได้ เพราะความพิการเกิดขึ้น ความบกพร่องเกิดขึ้น การงานมีปัญหาเกิดขึ้น คุณไปบอกกับทุกคนว่าไม่เห็นเขาเป็นอะไรไม่เห็นมีอะไรความสวยก็ประจักษ์อยู่แล้ว คือถ้าไม่สวยทุกคนต้องเข้าใจนะว่าเรามีงานเราก็ต้องออกงาน เราจะออกไปในหน้าพิการ หน้าสดๆ ให้คนเขาเห็นหรือ เราก็คงยังต้องทำธุรกิจอยู่ คือจะพูดในเวลาแบบนี้มันไม่ใช่”

การฟ้องในครั้งนี้คือเพื่อปกป้องตัวเอง?
ต้อม: “ด้วยค่ะ”

อะไรที่ทำให้เราเสียหายจนต้องฟ้องสถาบันเสริมความงาม?
ทนายเชอร์เบท: “สัญญาข้อสุดท้าย เขียนไว้ว่า สามารถนำรูปภาพมาใช้สำหรับขึ้นป้ายโฆษณาบิลบอร์ดตลอดระยะเวลาสัญญา 2 ปี ซึ่งก่อนจะดีลในสัญญา ได้มีการตกลงอย่างชัดเจนว่าก่อนจะเอารูปอะไรของพี่ต้อมไปลงจะต้องขออนุญาตก่อน”

ต้อม: “แต่ว่าประเด็นตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับบิลบอร์ด แต่ที่เขาออกสื่อไป คือสัญญารีวิว มันก็ต้องรีวิว แต่การทำงานของคนที่เป็นพรีเซ็นเตอร์เป็นปกติอยู่แล้วที่เราจะต้องรีวิวให้เขา เราก็ต้องขึ้นบิลบอร์ดอยู่แล้ว 2 ปีครึ่ง รีวิวเราต้องทำให้อยู่แล้ว ไลฟ์สดก็ต้องทำ และออกอีเว้นท์เราก็ต้องออก แล้วแต่ว่าเขาจะให้เราไปออกอีเว้นท์กี่ครั้ง นั่นคือสัญญา แต่พอเวลาออกมาพูดมันคือแค่รีวิว ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเรารับจ้างรีวิว”

แล้วทีนี้มีการสัญญาฉีกไหม?
ต้อม: “เราก็ต้องฉีก เพราะเขาละเมิดเราตั้งแต่แรก แต่เราก็ไม่คิดจะมีปัญหากับเขาด้วยซ้ำ ก็เราว่าเมื่อไหร่เขาจะมาคุยกับเรา แต่กลับกลายเป็นเขาไม่ได้คุยอะไรเลย วันที่ 4 ม.ค. จะต้องมีการเช็กอัพกับคุณหมอ หลังจากที่เราทำหน้าเสร็จแล้ว

แล้ว ณ ตอนนั้น เราก็มีความรู้สึกว่า การคุยยังไม่ลงตัว ในการที่เขาเอาภาพไปลงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเราตามข้อตกลง เราก็เขียนจดหมายให้ขอบรรเทาเรื่องรูปตกแต่งบิดเบือนจากความเป็นจริง ก็เลยมีความรู้สึกว่าพี่เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะมาคุยกับเราจริงๆ มีแค่โทรมาคุยกับแฟนเราแค่ครั้งเดียว จริงๆถ้ามีปัญหากับเราโทรคุยกับเราก็ได้ คือไม่ได้มีประเด็นอะไรไปมากกว่านั้นเลยตอนแรก ก็แค่รูปที่เขาทำให้เราเสียหายจากการเราเสียงานไป แต่เขาก็ไม่คิดที่จะเจรจา (ถ้ามีการเจรจากับต้อมโดยตรงอาจจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้?) ใช่”

มีการโทรมากี่ครั้ง?
ต้อม: “ครั้งเดียวคือวันที่ 21 ธันวาคม ซึ่งไม่ได้คุยกับเราด้วยคุยกับแฟนเรา (มีมิสคอลไหม?)ไม่มี (ไลน์?) ก็ไม่มีค่ะ”

จะมีการฟ้องคดีเรื่องอะไรบ้าง?
ทนายเชอร์เบท: “อย่างแรกในส่วนการผิดพลาดในการศัลยกรรม แล้วฟ้องเป็นคดีละเมิด แผนกคดีผู้บริโภคเป็นจำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้าน โดยจะฟ้องโรงพยาบาลและคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเรื่องรูปตอนที่พี่ต้อมอยู่ในห้องผ่าตัด จะมาอ้างสัญญารีวิวไม่ได้ พ.ร.บ. สถานพยาบาล กำหนดไว้ว่า การที่คลินิกศัลยกรรมจะเอารูปไปโฆษณา หรือหากำไรให้ตนเอง ต้องมีการขออนุญาตจากสบส. ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของเขา ซึ่งอยากจะทราบว่าโรงพยาบาลนี้ได้เป็นไปตามขั้นตอนถูกต้องหรือยัง”

ตอนนี้เดินหน้าคดีอะไรบ้าง?
ทนายเชอร์เบท: “ตอนนี้เดินหน้าคดีละเมิด 50 ล้านแล้ว แต่ส่วนการเอารูปขณะผ่าตัดมาเผยแพร่ กำลังดำเนินการตามไป

แต่ทางฝั่งคู่กรณีก็ได้ออกมาบอกว่า มีตังค์จ่าย 50 ล้านได้ แต่ถ้าจะฟ้องกลับกลัวทางคุณต้อมอาจจะไม่มีเงินจ่าย ได้เห็นหรือยัง?
ต้อม: “เห็นที่พูด เราอาจจะไม่มีเงิน แต่เรามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และที่สำคัญมีความจริง ที่พูดกี่ครั้งก็ยังไม่ตาย ถ้ามีการเจรจากันด้วยดีก็คงไม่มีวันนี้ หลายๆ อย่าง หลายๆ คลิป สิ่งที่เค้าพูดจริง 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ ทำให้ประชาชนเข้าใจเราผิด เราอยากจะถามคนทั่วไปว่าคนมีเงินเท่านั้นเหรอที่จะชนะ ไม่ใช่ ความยุติธรรมมันต้องมีพี่ไม่เข้าใจว่าตอนนี้ทุกคนที่มาคอมเม้นท์ด่าพี่ คือเรื่องหิวเงิน หิวแสง พี่ไม่ได้หิวเงินหิวแสง พี่อยู่ตรงนี้มา 33 ปี ไม่จำเป็นต้องหิวแสง ส่วนเงินพี่อาจไม่ได้รวยมากมาย แต่ตั้วแต่เกิดมาพี่ไม่เคยลำบาก แต่เขามาพูดตีค่าให้พี่ดูต่ำขนาดนั้น หลังจากนี้พี่ก็คงไม่น่ายอมได้แล้ว เจอกันที่ศาล”

จะดำเนินการเจอคู่กรณีเมื่อไหร่?
ทนายเชอร์เบท: “19 สิงหาคม นัดแรก เจอกันที่ศาลจ.นนทบุรี (ส่งหมายให้เขาเรียบร้อย?) ในคลิป เขาแจ้งว่าได้รับหมายแล้วค่ะ

ภาพแรกที่ออกมาได้รับผลกระทบอะไร?
ต้อม: ภาพที่ต่อท่ออ็อกซิเจนอยู่ แบบนี้รับไม่ได้ (ร้องไห้)”

เราฟ้องในฐานะที่เขาเอาออกสื่อ?
ทนายเชอร์เบท: “ใช่ ภาพนี้ผิดกฎหมายหลายตัวเลย นอกจากจะผิด pdpa ผิดกฎหมายอาญา-แพ่ง. พ.ร.บ.สถานพยาบาล พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ และกฎหมายละเมิดสิทธิผู้ป่วย”

เหลือระยะเวลาอีกเดือนกว่าๆ มีกังวลใจไหมในการที่จะต้องไปเจอเขา?
ต้อม : “ไม่กังวลค่ะ”

หลักฐานเอาผิดเขามีพร้อมแล้วใช่ไหม?
ต้อม: “เราก็มีตามที่เรามีและก็ตามความเจ็บปวด ตามแผลทางร่างกายที่ทุกคนอาจจะไม่ได้เห็น ซึ่งตรงนี้คิดว่า เรามีหลักฐานให้ศาลได้เห็นว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง การใช้ชีวิตลำบากอย่างไรบ้างก็อยากให้ทุกคนได้รู้ ก่อนหน้านี้พี่ไม่ได้มีปัญหาที่จะบอกว่ามันเกิดอะไร พอหลังจากทำไปเรียบร้อยแล้วเราเห็นว่าฟันเราเหยิน พี่ก็ไปหาหมอ พอไปหาหมอมันชัดเจนขึ้นว่า อันนี้มันอันตราย คุณมีฟันกราม ฟันคุดอยู่ข้างในนอนอยู่ ทำไมเขาไม่ให้คุณถอนฟันคุดซีกนั้นก่อน ในอนาคตอาจเกิดมะเร็ง แล้วกรามที่ตัดออกไป มันเหลืออยู่น้อยมาก อยู่ในจุดอันตราย ถ้าเข้าฉากตบ แล้วโดนตบพลาด กรามพี่หัก ถ้าอนาคตข้างหน้าฟันซีกนี้เป็นมะเร็ง หรือเป็นถุงน้ำแล้วต้องเอาออก ถ้าได้หมอไม่เก่งกรามอาจจะร้าวหรือแตกได้ นี่คือหมอบอกมา”

ต้อม : “เมื่อไม่กี่วันผ่านมามีคลิปอีกแล้ว จะไม่ให้รู้สึกแย่กับชีวิตได้อย่างไร เป็นคลิปที่ออกมานั่งคุย ว่าอาหารคนก็มีนี่คะ ประโยคนี้หมายความว่ายังไงตอนนี้ข้าวเหนียวกินไม่ได้ กระดูกอ่อนแทะเอ็นยังกินไม่ได้ เขาไปพูดสนุกปาก เห็นความเจ็บป่วยของคนสนุกอย่างไร คนธรรมดากินข้าวกัดโดนกรวดแค่เจ็บ แต่สำหรับต้อมสามารถหักได้ (ร้องไห้)”

อันนี้ฟ้องชาวเน็ตด้วยไหม?
ทนายเชอร์เบท: “ขอให้ทุกคนแสดงความคิดเห็น อย่างระมัดระวังและแฟร์ทั้งสองฝ่าย เพราะคุณต้องยอมรับว่า โรงพยาบาลที่เรากำลังพูดถึงมีเคสหลุดเยอะจริง”

มีอะไรอยากจะบอกไหม?
ต้อม: “อยากจะบอกว่า กรุณาฟังทั้งสองฝ่าย และถ้าอยากจะรู้ความจริงเป็นอย่างไร กรุณาย้อนกลับไปดูที่ต้นตอได้ไหม อย่าไปตามสมัยนี้ที่ทุกอย่างต้องรวดเร็ว แล้วไปตัดเหลือแค่นิดเดียวเพื่อไปทำคอนเทนต์ เพื่อทำกระแสให้ทุกคนมีเรตติ้ง หรือมีคนตามมากขึ้น แต่ความทุกข์มันอยู่ที่คนคนเดียวและครอบครัวของคนๆ นี้”

ผลกระทบงานแสดง?
ต้อม: “ความพิการของหน้า ส่งผลคือทำงานไม่ได้ ละครจอใหญ่แล้วหน้าด้านข้างเราไม่สมมาตร มันพิการ หน้าผิดรูปไม่สมประกอบ ออกรายการต้องทำผมปิดไว้ เราเป็นนางรำก็รวบผมไม่ได้ ถ้ารำต้องเอาอะไรมาปิด แต่ละครจะทำผมทรงนี้ตลอดไม่ไดั ละครเลือกไม่ได้ จะบอกใครว่าพิการได้เหรอ

เราปรึกษาคุณหมอหลายคุณหมอ แต่คุณหมอท่านนี้เชี่ยวชาญด้านกรามและกะโหลก ท่านตอบกลับมาว่า ต้องดูความเป็นไปได้ว่าเสริมกลับมาได้ไหม วัสดุที่ใช้เสริมจะมีความยืดกับกรามได้หรือเปล่า หมายความว่าความพิการเกิดขึ้นถูกไหม เสริมกลับมาก็ไม่รู้ว่าจะปกติไหม เขาออกคลิปว่า หน้าก็ไม่เห็นมีอะไรเลย ก็สวยแล้ว ก่อนหน้านี้ก็เหี่ยว ก็ย้อย ที่เหี่ยว ห้อย ย้อย เพราะคุณไปตกแต่งภาพ เราไปถ่ายละครเป็นภาพเคลื่อนไหว มันยืดกรามไม่ได้”

ซึ่งภายหลังจากการแถลงข่าวเสร็จ ก็มีผู้เสียหายเดินทางเข้ามาให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชนเพิ่มเติมว่า ได้มีการศัลยกรรมผ่าตัดหน้าอก เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ในสถาบันเสริมความงามเดียวกันกับต้อม รชนีกร และได้มีปัญหาเกิดขึ้น โดยทางสถานพยาบาลแจ้งมาว่า หลังผ่าตัดต้องรอระยะเวลา 1 ปี หลังจากตุลาคม 2563 อาการผิดปกติไม่หาย จึงพยายามติดต่อให้ยืนยันการแก้ไข หรือพาไปตรวจร่างกาย ซึ่งทุกข้อที่กล่าวไปทางสถานพยาบาลปฏิเสธในการรับผิดชอบทั้งหมด จึงได้มีการไปร้องเรียนเมื่อปี 2564 อีกทั้งยังมีการออกไปสัมภาษณ์ทางรายการชื่อดังรายการหนึ่ง และมีการโจมตีจากโซเชียลว่าไม่เกิดขึ้นจริง ด้านผู้เสียหายได้มีนำหลักฐานดำเนินการยื่นเรื่องไปครบทุกหน่วยงาน แต่ยังมีการนิ่งเฉย พร้อมตั้งคำถามกลับไปว่า สถานพยาบาลแห่งนี้มีหลักฐานอันใดยืนยันว่าทำถูกต้องตามกระบวนการพยาบาลแล้ว แม้กระทั่งประวัติการรักษาที่ขอไปจวบถึงวันนี้ก็ยังไม่ได้ ทำให้ต้องเดินทางมาหาทีมงานของต้อม รชนีกร เพราะตนเป็นประชาชนทั่วไป ไม่มีอำนาจใดๆ

ซึ่งทางด้านของทนายเซอร์เบทก็ยินดีให้การช่วยเหลือนี้ และได้มีการนัดคุยกันในเรื่องนี้กันอีกครั้ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image