‘มาริษ’ เยือนกัมพูชา ย้ำความร่วมมือสองชาติ ยกระดับเหนือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

วันที่ 2 กรกฎาคม 2567 - 06:54 น.

‘มาริษ’ เยือนกัมพูชา
ย้ำความร่วมมือสองชาติ
ยกระดับเหนือหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

หมายเหตุ “มติชน” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์หลังเดินทางเยือนกัมพูชา ซึ่งได้มีการเข้าเยี่ยมคาราวะ สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภา มีการหารือเต็มคณะกับ นายซก เจินดาโซเพีย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและความร่วมมือระหว่างประเทศ รวมถึงพบปะกับนักธุรกิจไทยในกัมพูชาและทีมประเทศไทยในกัมพูชา เมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมา

การเยือนประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี กัมพูชาให้เกียรติประเทศไทยเป็นอย่างมาก ผมได้พบกับผู้นำกัมพูชาในระดับสูงสุดรวมถึงผู้ปฏิบัติ แสดงให้เห็นถึงความมั่นคงและความไว้เนื้อเชื่อใจ สิ่งสำคัญที่สุดคือมีความต้องการอย่างยิ่งที่จะเห็นความสัมพันธ์ของประเทศทั้งสองประเทศที่ดีอยู่แล้วให้ยิ่งดีขึ้นไปอีกในทุกๆ ระดับ
สาระของการหารือก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี ครอบคลุมสาขาความสัมพันธ์ในทุกๆมิติ และครอบคลุมความร่วมมือในทุกๆ ด้าน ภาพรวมของการหารือทุกๆ ระดับย้ำความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกัน มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ขณะเดียวกันไทยก็แสดงออกให้ฝ่ายกัมพูชาเห็นชัดเจนว่า เราให้ความสำคัญกับประเทศกัมพูชา สมเด็จฯฮุน เซน ขอบคุณที่เลือกเยือนกัมพูชาเป็นประเทศแรกๆ

ความสัมพันธ์ที่ดีในระดับผู้นำช่วยเสริมกันให้เกิดสิ่งที่เราอยากจะเห็น และทำให้ผมมีความเชื่อมั่นมากว่า ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาจะก้าวไปสู่ระดับที่สูงมากๆ ต่อไป ไม่ใช่แค่เป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ แต่จะมีความใกล้ชิดกันประหนึ่งเป็นพี่น้อง เพราะเราเป็นประเทศที่มีความใกล้ชิดกันทางเชื้อชาติ ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม

การเยือนครั้งนี้ยังได้ติดตามความคืบหน้าในสิ่งที่ท่านนายกรัฐมนตรีทั้งสองได้หารือกันในหลายโอกาส ไทย-กัมพูชาได้ประกาศที่จะยกระดับความสัมพันธ์สู่ความเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ที่แนบแน่นขึ้นไปในทุกมิติ ซึ่งคาดว่าจะทำให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ โดยต้องมีแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และยุทธศาสตร์ (strategy) ที่ชัดเจน มุ่งไปที่สาขาความร่วมมือที่สำคัญระหว่างกัน อาทิ เรื่องการเป็นฮับด้านโลจิสติกส์ เขตการค้าเสรี และการศึกษา

ท่านนายกฯฮุน มาแนต ได้ขอบคุณไทยที่ให้ความร่วมมือกับกัมพูชาในการเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่สงขลา ขณะเดียวกันผมก็ได้ขอบคุณท่านต่อการที่ไทยกำลังจะเปิดสถานกงสุลใหญ่ที่เสียมราฐ ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์สำคัญที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ไม่เพียงแต่ระดับรัฐต่อรัฐจะมีความสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม ความสัมพันธ์ของภาคเอกชนและภาคประชาชนก็แสดงให้เห็นผ่านเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ได้ตกลงกันว่าจะพยายามเปิดสถานกงสุลใหญ่ให้ได้ภายในปีนี้ และอยากจะให้ท่านนายกฯทั้งสองไปร่วมในพิธีเปิดด้วย

ทางด้านเศรษฐกิจ เราต้องการจะบรรลุเป้าหมายด้านการค้าให้เพิ่มขึ้นเป็น 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่ประมาณ 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปัจจุบัน ซึ่งท่านซก เจินดา ก็เห็นด้วยกับเป้าดังกล่าว แม้ว่าเราจะต้องทำงานหนักขึ้นแต่ก็ไม่ได้ยากจนเกินไป นอกเหนือจากตัวเลขแล้วเราต้องทำให้มั่นใจว่า ตัวเลขนี้จะสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของทั้งสองประเทศอย่างเป็นธรรมด้วย เพราะเราสามารถที่จะวิน-วินด้วยกัน ผมอยากเห็นการค้าและการลงทุนมันไปด้วยกัน เพราะเป็นยุทธศาสตร์หนึ่งที่เราได้คุยกัน ซึ่งภาคเอกชนไทยก็มีบทบาทอย่างมาก

ท่านนายกฯฮุน มาแนต ยังพูดถึงเรื่องการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน หรือพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ (Special Economic Zone-SEZ) ซึ่งเป็นจุดประสงค์ใหญ่ของรัฐบาลท่านนายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ที่ต้องการเห็นทั้งการค้าโดยธรรมชาติและการค้าชายแดนขยายตัวเพิ่มมากขึ้น การมี SEZ ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา จะอำนวยความสะดวกทั้งเรื่องการค้าชายแดนและการลงทุน แต่ต้องไปคุยรายละเอียดทางเทคนิคอีกครั้งว่าเราจะขยายไปถึงระดับไหน ที่สำคัญต้องมีแรงจูงใจให้ผู้ประกอบการมาทำการลงทุนและทำการค้าร่วมกันในบริเวณนั้น ซึ่งอาจพิจารณาขยายไปถึงพื้นที่เขตการค้าเสรี (Free Trade Area) ทั้งหมดเป็นเรื่องที่ต้องคุยกันต่อไปเพราะมีหลายเรื่องเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยคณะกรรมการเขตแดนร่วม (JBC) เป็นคนดูเรื่องนี้

นอกจากนี้ยังมีการพูดถึงอำนวยความสะดวกในการข้ามแดนทั้งคนและสินค้าอย่างไร้รอยต่อ ซึ่งจะช่วยส่งเสริมธุรกิจการท่องเที่ยวระหว่างกัน ไทยพร้อมร่วมกันโปรโมทให้นักท่องเที่ยวเดินทางข้ามแดนเพื่อไปท่องเที่ยวในกัมพูชาด้วย กัมพูชายังขอบคุณที่ไทยขยายเวลาให้คนกัมพูชาสามารถเข้าไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่า 60 วัน ซึ่งจะอำนวยความสะดวกให้กับผู้ที่เข้ามารักษาตัวในไทย เมื่อเรามีความร่วมมือใกล้ชิด ความสัมพันธ์จะหยั่งรากลึกมากขึ้น มันจะช่วยกระตุ้นทั้งด้านเศรษฐกิจและการรวมตัวกันของประชาชนต่อประชาชนให้ยั่งยืนมากยิ่งขึ้นด้วย

ชายแดนยังมีปัญหาอื่นๆ ไม่ว่าปัญหาหมอกควัน แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ออนไลน์สแกม การค้ายาเสพติด เราก็ต้องกระชับความร่วมมือให้ใกล้ชิดมากขึ้น และบูรณาการแผนต่างๆ ให้มันสอดรับกันให้ได้ นอกจากนี้ยังพูดถึงการดำเนินการเพื่อเฉลิมฉลอง 75 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-กัมพูชา ที่กำลังจะมาถึง โดยจะส่งเสริมการเรียนการสอนภาษาไทยในกัมพูชาและการพัฒนาฝีมือแรงงานผ่านกรมความร่วมมือระหว่างประเทศ (TICA)

ในการพบกับนักธุรกิจไทย ดีใจมากที่ได้ทราบว่านักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนในกัมพูชามากกว่า 600-700 บริษัท ได้ฝากสถานทูตและสมาคมธุรกิจไทยในกัมพูชาว่าอยากเห็นการลงทุนของคนไทยสร้างประโยชน์ให้กัมพูชาด้วย ได้ทราบว่าห้างแม็คโครของไทยก็พยายามเอาผลผลิตของคนท้องถิ่นมาขายในแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งถือเป็นเรื่องวิน-วิน

นี่คือเป้าหมายที่เราพยายามมองให้ครบทุกๆ มิติ ทั้งด้านการเมืองซึ่งดีอยู่แล้ว มิติด้านเศรษฐกิจที่จะก้าวไปเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ในเรื่องการค้าการลงทุน และมิติด้านสังคมที่จะยกระดับความสัมพันธ์ประชาชนต่อประชาชนให้ดียิ่งขึ้น

๐ได้มีการหารือเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล (OCA) ไทย-กัมพูชาด้วยหรือไม่

ท่านนายกฯฮุน มาแนต ฝากว่าท่านอยากเห็นความร่วมมือในการนำพลังงานที่อยู่ในพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้ เพราะถ้ายังไม่ทำ โอกาสที่ทรัพยากรที่มีมูลค่าสูงในพื้นที่ตรงนี้จะหายไป แต่ท่านก็บอกว่าท่านเข้าใจว่าประเทศไทยก็คงมีความระแวดระวัง เข้าใจทุกอย่างที่ไทยมอง เรื่องของความละเอียดอ่อน ท่านพร้อมสนับสนุนประเทศไทยในทุกๆ ด้าน พร้อมที่จะเข้าใจและพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในทุกๆ ด้าน เพื่อให้นำเอาทรัพยากรที่มีอยู่เป็นจำนวนมากขึ้นมาใช้ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกัน

ผมได้พูดกับท่านชัดเจนว่าขอให้สบายใจเพราะเป็นเป้าหมายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะร่วมมือกันพัฒนา นำเอาทรัพยากรธรรมชาติขึ้นมาใช้ประโยชน์ แต่ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้มีการทำให้เข้าใจผิด คงต้องใช้เวลา และขอบคุณที่ท่านเข้าใจ เราพร้อมจะมีความร่วมมือ แต่เนื่องจากมันมีประเด็นสำคัญทางเทคนิคมาก ก็ต้องให้ผู้ที่มีความชำนาญในเรื่องเทคนิคทั้งในเรื่องกฎหมายและพลังงาน การสำรวจการผลิตก็ต้องมีคณะกรรมการขึ้นมาพิจารณา โดยทั้งหมดต้องให้เป็นไปตามที่เราคุยกันในบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ปีพ.ศ. 2544 คือปัญหาเขตแดนและการพัฒนาพลังงานต้องไปด้วยกัน เพื่อให้ทุกอย่างมีความโปร่งใสและเป็นประโยชน์กับทั้งสองประเทศโดยรวม