วิเคราะห์สถานการณ์เลือกตั้งฝรั่งเศส และความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา

AFP

วิเคราะห์สถานการณ์เลือกตั้งฝรั่งเศส และความเป็นไปได้ที่อาจจะเกิดขึ้นตามมา

  • ผลการเลือกตั้งรอบแรกบอกอะไรได้บ้าง

การเลือกตั้งสมาชิกสภาแห่งชาติฝรั่งเศสมีการช่วงชิงเก้าอี้รวม 577 ที่นั่ง และโดยปกติแล้วจะจัดขึ้น 2 รอบ

ตามกฎหมายเลือกตั้งฝรั่งเศส ผู้สมัครซึ่งได้รับคะแนนเสียงเกิน 25% ของจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งในเขตนั้นๆ และได้คะแนนเสียง 50% ของผู้ที่มาลงคะแนนเสียงจริง จะถือว่าชนะเลือกตั้งตั้งแต่รอบแรกโดยไม่ต้องเข้าสู่การเลือกตั้งรอบ 2 อีกครั้ง ขณะที่การเลือกตั้งรอบที่ 2 จะเป็นการแข่งขันระหว่างผู้สมัครของพรรคต่างๆ ที่ได้รับคะแนนเสียงเกิน 12.5% ของจำนวนผู้ลงทะเบียนใช้สิทธิ์เลือกตั้งในเขตเลือกตั้งแต่ละเขตเลือกตั้ง และผู้ที่ได้รับคะแนนมากที่สุดในการเลือกตั้งรอบ 2 ก็จะชนะได้เป็นสมาชิกรัฐสภาทันที

อย่างไรก็ดี ขณะนี้เขตเลือกตั้งราว 300 เขตกำลังเผชิญกับการแข่งขันเลือกตั้งรอบสองในแบบสามเส้า จากจำนวนผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนมาก รวมไปถึงการยุบสภาสายฟ้าแลบทำให้พรรคเล็กๆ ไม่สามารถที่จะรวมตัวเป็นกลุ่มพันธมิตรกันได้ทัน ดังนั้นการลงคะแนนเสียงจึงกระจุกตัวอยู่ในสามกลุ่มอย่าง ซ้าย กลาง และ ขวาจัด ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วจะเป็นผลดีต่อพรรค National Rally (RN) ซึ่งเป็นพรรคขวาจัด หากมีพรรคการเมืองสามพรรคแข่งขันกันในเขตเลือกตั้งเดียวกัน คะแนนเสียงต่อต้านพรรค RN จะรวมตัวกันได้ยากขึ้น

Advertisement

โดยปกติแล้วเพื่อป้องกันสถานการณ์เลือกตั้งสามเส้า และขัดขวางพรรค RN ไม่ให้ก้าวขึ้นสู่อำนาจ นักการเมืองฝ่ายกลางขวาและกลางซ้ายของฝรั่งเศสได้มีมาตรการที่จะให้ผู้สมัครที่มีคะแนนตามมาเป็นอันดับที่ 3 ต้องออกจากการแข่งขัน และเรียกร้องให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งร่วมมือกันเลือกผู้สมัครอันดับที่เหนือกว่า ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติของแนวร่วมต่อต้านพรรค RN ซึ่งเป็นมาตรการที่ใช้มาอย่างยาวนาน

ผู้สมัครที่ผ่านเข้ารอบจะมีเวลาจนถึงเย็นวันที่ 2 มิถุนายน ในการตัดสินใจว่าจะถอนตัวหรือลงสมัครรอบในการเลือกตั้งรอบที่ 2 ต่อไป

  • เกิดอะไรขึ้นกับการเมืองฝรั่งเศสในปัจจุบัน

ประสิทธิภาพของแนวร่วมต่อต้านพรรค RN ลดลงอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และไม่เพียงแต่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งจำนวนมากไม่สนใจคำแนะนำของหัวหน้าพรรคอีกต่อไป ผู้ลงสมัครเลือกตั้งก็ไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับหัวหน้าพรรค ดังนั้นความเป็นไปได้ที่ผู้สมัครจะปฏิเสธที่จะถอนตัวจึงมีความเป็นไปได้สูงขึ้น

Advertisement

คาดว่าการเจรจาระหว่างพรรคก่อนการเลือกตั้งรอบสองจะมีความสำคัญ และอาจส่งผลต่อผลลัพธ์ที่จะตัดสินว่าพรรค RN จะครองเสียงข้างมากในรัฐสภาฝรั่งเศสได้หรือไม่

สำนักข่าวบีบีซีคาดการณ์ว่า จำนวนที่นั่งที่ RN น่าจะได้อยู่ระหว่าง 260 ถึง 310 ที่นั่ง จากเสียงที่พรรคจำเป็นจะต้องได้คือ 289 ที่นั่ง ที่จะทำให้พรรค RN ครองเสียงข้างมากในสภาได้

ในขณะที่ฐานเสียงในกรุงปารีสกำลังไม่พอใจต่อทิศทางของผลการเลือกตั้งที่กำลังออกมา ที่ฝ่ายขวาจัดจะขึ้นมาครองอำนาจ  กระแสในพื้นที่ชนบทของฝรั่งเศสกลับสวนทางกับเมืองหลวง

  • จะเกิดไรขึ้นถ้าพรรค RN ไม่สามารถครองเสียงข้างมากได้ตามที่คาดหวังไว้

ในทางปฏิบัติประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ควรจะแต่งตั้งพรรคที่ครองเสียงข้างมากในสภาเป็นรัฐบาลเพื่อสเถียรภาพในการบริหาร อย่างไรก็ตามในทางทฤษฎี มาตรา 8 ของรัฐธรรมนูญฝรั่งเศสระบุว่า ประธานาธิบดีเป็นผู้มีอำนาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี แต่ไม่ได้ระบุไว้ชัดเจนว่าควรใช้เกณฑ์ใด

มาครงสามารถที่จะใช้ความพยายามในการดึงพรรคพันธมิตรต่อต้าน RN มารวมกันตั้งรัฐบาล รวมไปถึงการที่เขาอาจจะเสนอตำแหน่งและเก้าอี้ในฝ่ายบริหารให้พรรคฝ่ายซ้ายจัด พรรคสังคมนิยม และพรรคกรีน เพื่อให้เข้ามารวมกันเป็นกลุ่มเสียงข้างมากอันดับ 2 ในสภา รวมไปถึงความเป็นไปได้ที่จะตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย

อย่างไรก็ดี หากรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่มีประสิทธิภาพ ฝรั่งเศสอาจเสี่ยงที่จะเผชิญกับสภาพของการเป็นอัมพาตทางการเมือง โดยการออกกฎหมายจะเป็นเรื่องยาก อาจจะมีกฎหมายที่ผ่านสภาไปได้ในจำนวนน้อยหรืออาจจะไม่มีเลย รวมไปถึงรัฐบาลจะบริหารประเทศได้ยากขึ้น

ความเป็นไปได้ที่มาครงจะลาออกนั้นมีอยู่ในฐานะทางเลือกของตัวประธานาธิบดีเอง แต่สภาไม่สามารถบังคับหรือบีบให้เขาลาออกได้

หากสถานการณ์ดำเนินไปจบลงที่สภาแขวน หรือการมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภา รัฐธรรมนูญฝรั่งเศสได้ระบุว่าจะไม่มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาใหม่ภายในอีก 1 ปี ดังนั้นการเลือกตั้งใหม่อีกครั้งทันทีจึงไม่ใช่ทางเลือกที่เป็นไปได้ จึงทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ภายใต้สมการเช่นนี้การเจรจาเพื่อจัดตั้งรัฐบาลผสมจึงมีความเป็นไปได้สูงมาก

ท้ายที่สุดการเมืองฝรั่งเศสจะออกมาเป็นอย่างไร ก็ขึ้นอยู่กับการเลือกตั้งรอบสองในวันที่ 7 กรกฎาคมที่จะถึงนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image