ทรัมป์เฮ! ศาลสูงตัดสิน ปธน.สหรัฐได้รับสิทธิคุ้มครองช่วงดำรงตำแหน่ง ‘ไบเดน’ โวยไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

AP

ทรัมป์เฮ! ศาลสูงตัดสิน ปธน.สหรัฐได้รับสิทธิคุ้มครองช่วงดำรงตำแหน่ง ‘ไบเดน’ โวยไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย

สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ศาลฎีกาสหรัฐได้มีคำตัดสินว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหัฐ มีเอกสิทธิ์คุ้มครองต่อการกระทำต่างๆ ของเขาในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานธิบดี ซึ่งถือเป็นชัยชนะครั้งใหญ่ของทรัมป์ในการณรงค์เลือกตั้งที่กำลังขับเคี่ยวกับอย่างดุเดือดกับนายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากทรัมป์มีชัยเหนือไบเดนในดีเบตแรกของทั้งคู่เมื่อสัปดาห์ก่อน

จากนั้นไม่นานอดีตประธานธิบดีทรัมป์โพสต์บน Truth Social แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเขาเพื่อเฉลิมฉลองคำตัดสิน โดยระบุว่า “นี่เป็นชัยชนะครั้งใหญ่สำหรับรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตยของเรา” และ “ผมภูมิใจที่ได้เป็นคนอเมริกัน!”

ขณะที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กล่าวถึงคำตัดสินของศาลสูงสหรัฐที่ให้สิทธิ์คุ้มครองทรัมป์จากการดำเนินคดีอาญาว่าเป็นบรรทัดฐานที่อันตราย และยังบ่อนทำลายหลักนิติธรรมของสหรัฐ ประเทศนี้ก่อตั้งขึ้นบนหลักการที่ว่า ไม่มีกษัตริย์ในอเมริกา เราแต่ละคนเท่าเทียมกันภายใต้กฎหมาย ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย แม้แต่ประธานาธิบดีสหรัฐ

Advertisement

“คำตัดสินของศาลในวันนี้เกือบจะหมายความว่า แทบไม่มีข้อจำกัดในสิ่งที่ประธานาธิบดีจะทำได้ ชายที่ส่งกลุ่มคนไปยังรัฐสภาสหรัฐกำลังเผชิญกับการพิพากษาลงโทษทางอาญาสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ชาวอเมริกันควรได้รับคำตอบจากศาลก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง แต่เพราะคำตัดสินของศาลในวันนี้ นั่นจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเป็นไปได้อย่างยิ่ง” ไบเดนกล่าว

คำตัดสินของศาลสูงไม่ได้ยุติการดำเนินคดีต่อทรัมป์ และถึงแม้ว่าทรัมป์จะไม่ได้รับการคุ้มครองครอบคลุมตามที่เขาและทนายความของเขาต้องการ แต่คำตัดสินนี้ก็มากเกินพอที่จะช่วยบรรลุเป้าหมายของทรัมป์ในการเลื่อนการพิจารณาคดีต่างๆ ที่เขากำลังเผชิญอยู่ ไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายน

ขณะที่ศาลชั้นต้นของสหรัฐจะต้องแยกแยะกรณีการฟ้องร้องต่างๆ ว่า กรณีใดเข้าข่ายการกระทำที่อยู่ภายใต้การกระทำที่เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติหน้าที่ราชการในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐที่ทรัมป์ถือว่าได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และการกระทำใดที่ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่เป็นทางการ ซึ่งคาดว่ากระบวนการดังกล่าวคงต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน และไม่มีทางจะเสร็จก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่กำลังจะมาถึง

Advertisement

โดยสองเหตุการณ์หลักที่นำไปสู่การฟ้องร้องคือ ความพยายามของทรัมป์ที่จะกดดันรองประธานาธิบดีไมค์ เพนซ์ ไม่ให้รับรองชัยชนะการเลือกตั้งของโจ ไบเดน และการแสดงความเห็นของอดีตประธานาธิบดีเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 ซึ่งถูกกล่าวหาว่ายุยงให้เกิดการโจมตีอาคารรัฐสภา

ทั้งนี้ ศาลตัดสินว่าทรัมป์มีสิทธิคุ้มครองต่อการกระทำของเขาตามหน้าที่ของประธานาธิบดีที่ตามรัฐธรรมนูญที่มอบอำนาจให้เขา ซึ่งรวมถึงการที่ทรัมป์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมในประเด็นข้อกล่าวหาการทุจริตการเลือกตั้ง ดังนั้นในข้อหานี้บรรดาคำฟ้องร้องต่อทรัมป์จึงถือว่าไม่สามารถยื่นฟ้องได้อีกต่อไป

คำตัดสินของผู้พิพากษาฝ่ายอนุรักษ์นิยม 6 คนในศาลสูงสหรัฐ ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความพยายามของรัฐบาลกลางที่จะฟ้องร้องคดีอาญาต่อทรัมป์ในข้อหาพยายามพลิกผลการเลือกตั้งปี 2020 และยังถือว่าเป็นการตั้งมาตรฐานที่สูงมากยิ่งขึ้น ในความพยายามยื่นฟ้องร้องทรัมป์ใหม่ในอนาคต นั่นหมายความว่าอัยการจะต้องทำงานหนักขึ้นมากเพื่อยื่นฟ้องทรัมป์ด้วยเช่นกัน

ประธานศาลสูงสุด จอห์น โรเบิร์ตส์ ได้สร้างมาตรฐานใหม่กับคดีของอดีตประธานาธิบดี โดยเขายังกล่าวอีกว่า คำให้การหรือบันทึกส่วนตัวของประธานาธิบดีกับที่ปรึกษาของเขา ไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ในชั้นศาล ซึ่งคำตัดสินนี้ได้ส่งผลอย่างมากในการจำกัดประเภทของหลักฐานที่อัยการสามารถนำเสนอเพื่อสนับสนุนคำฟ้องร้องคดีของตน แต่ประธานาธิบดีจะไม่มีสิทธิ์คุ้มครองจากการกระทำที่อยู่นอกเหนือจากการกระทำภายใต้หน้าที่ของประธานธิบดี

ผู้พิพากษาโรเบิร์ตส์อธิบายว่า ประธานาธิบดีจำเป็นต้องมีเอกสิทธิ์คุ้มครองที่กว้างขวางสำหรับการทำหน้าที่ของตน เนื่องจากภัยคุกคามจากการดำเนินคดีทางอาญา และความขัดแย้งสาธารณะที่แปลกประหลาดเกี่ยวกับการดำเนินคดีทางอาญา อาจบิดเบือนและมีอิทธพลต่อการตัดสินใจของประธานาธิบดีได้

“ประธานาธิบดีไม่ได้อยู่เหนือกฎหมาย แต่สภาคองเกรสไม่อาจถือว่าพฤติกรรมของประธานาธิบดีในการปฏิบัติหน้าที่ตามความรับผิดชอบของฝ่ายบริหารภายใต้รัฐธรรมนูญเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายได้” ผู้พิพากษาโรเบิร์ตส์ระบุ

ในทางกลับกันผู้พิพากษาฝ่ายเสรีนิยมมีความเห็นตรงกันข้าม โดย 1 ใน 3 ผู้พิพากษาที่ไม่เห็นด้วยคือ ผู้พิพากษาศาลสูงสมทบ โซเนีย โซโตมายอร์ เตือนว่า ในการใช้อำนาจอย่างเป็นทางการทุกครั้งภายใต้กรอบกฎหมาย ได้ทำให้ประธานาธิบดีกลายเป็นกษัตริย์ที่อยู่เหนือกฎหมาย โดยยกตัวอย่างการดำเนินการที่ไม่สามารถดำเนินคดีกับประธานาธิบดีได้ เช่น การสั่งลอบสังหารคู่แข่งทางการเมือง การรับสินบนเพื่อแลกกับการอภัยโทษ และการรัฐประหารเพื่อยึดอำนาจ คดีเหล่านี้จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองทั้งสิ้น

คำตัดสินของศาลสูงสหรัฐดังกล่าวทำให้อัยการพิเศษ แจ็ค สมิธ และทีมงานของเขาจะต้องปรับทิศทางที่จะฟ้องร้องคดีที่ต่ออดีตประธานาธิบดีทรัมป์ใหม่ รวมถึงหลักฐานที่สามารถใช้สนับสนุนคดีได้ หากพวกเขาต้องการจะดำเนินการฟ้องร้องทรัมป์ต่อ ขณะที่การติดต่อของทรัมป์กับพลเมืองที่ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะถูกพิจารณาโดยศาลชั้นต้น ว่าเป็นการกระทำที่ได้รับความคุ้มครองตามตำแหน่งประธานาธิบดีหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image