ตามรอยพ่อไปชิม : Jo’s Banoffee (โจส์ บานอฟฟี่) พายบานอฟฟี่ 5 ชั้นและโจส์บันครีมคาราเมลอันเลื่องลือ

โจส์บันครีมคาราเมล

ที่เชียงใหม่มีร้านขนมที่ว้าวมาก ได้ขยายสาขามาที่กรุงเทพฯอีกด้วย ยังจำความรู้สึกที่ได้ลิ้มลอง Jo’s Bun Cream Caramel ครั้งแรกได้ดี โอ้นี่ขนมอะไร ทำไมไส้คาราเมลช่างหอมหวนเข้มข้นสุดๆ ขนมเจ้านี้มีชื่อว่า Jo’s Banoffee (โจส์ บานอฟฟี่)

โจส์บันครีมชาเอิร์ลเกรย์

ชื่อขนมมาจากชื่อเจ้าของ โจ (ณัฐวัฒน์ ตันตยานุสรณ์) นั่นเอง น้องโจเล่าให้ฟังว่าที่บ้านทำธุรกิจเกี่ยวกับก๊าซในเชียงใหม่ แต่ก่อนนั้นน้องโจจึงมีร้านลูกโป่งบรรจุก๊าซด้วย จนกระทั่งในช่วงล็อกดาวน์ พ.ศ.2563 จึงปรับเปลี่ยนมาทำขนมแทน เรียนรู้ด้วยใจรัก ไม่ได้เข้าคอร์สทำขนมมาก่อน ช่วงแรกมีเชฟมาช่วยพัฒนาสูตรบานอฟฟี่ให้

โจ (ณัฐวัฒน์
ตันตยานุสรณ์)

โจบอกว่าด้วยความบังเอิญ ตอนทำขนมน้องโจหยิบช็อกโกแลตมาผิดตัว กลายเป็นว่าตั้งแต่นั้นมาขนมพายบานอฟฟี่ของโจมี 5 ชั้น 5 เลเยอร์ จากทั่วไปที่มี 4 ชั้น โดยเพิ่มชั้น 5 ที่เป็นดาร์กช็อกโกแลตอีกชั้นหนึ่ง

คนจะดังอะไรก็ฉุดไว้ไม่อยู่ โจส่งขนมมาให้น้องเมย์ After You และคนอื่นๆ ชิม ต่างติดใจไปตามๆ กัน พอเมย์โพสต์ลงโลกโซเชียล จึงมีกระแสตอบรับล้นหลาม (มีการคอลแลบส์กับอาฟเตอร์ยูด้วย) ตอนแรกก็ส่งขนมมาจากเชียงใหม่ ตอนหลังมาทำร้าน pop up ชั่วคราว (2 วันขายเกลี้ยง) และยืมครัวเพื่อน (ของเมย์) ทำขนมโฮมเมด ใช้มือขยำแฮนด์เมดจริงๆ ซึ่งน้องโจยังได้ไปคอลแลบส์ขนมร่วมกับสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังก้องโลกอีกมากมายด้วย

Advertisement

ส่วนผมเองได้ลิ้มลองขนมปัง โจส์บันครีมคาราเมล จากน้องดิ๋ง เจ้าของร้านเค้กชื่อดังในกรุงเทพฯ Truly Scrumptious (ทรูลี่ สคัมเชียส) ซึ่งรู้จักกับพี่สาวโจ

มาดูกันว่าแบรนด์ Jo’s นั้นมีอะไรเด็ดๆ บ้าง และมีร้านรวงอยู่ที่ไหนทั้งในเชียงใหม่และกรุงเทพฯ

Advertisement

สำหรับใครที่ไปเที่ยวเชียงใหม่ โจได้ย้ายร้านจากที่ในซอยนิมมาน มาอยู่ที่บ้านตัวเอง เรียกว่า อยู่ที่บ้านเลข 544/2 ที่ริมถนนเจริญเมือง ตรงข้ามกับธนาคารกรุงศรีอยุธยา สามารถสั่งผ่าน Grab (Jo’s Banoffee) หรือ Line: @josbanoffee และไปรับเองที่บ้านก็ได้

ส่วนที่กรุงเทพฯนั้น เรียกว่า Jo’s Banoffee พระราม 9 ซึ่งโจได้ร่วมกันกับนักแสดงสาวสวยชื่อดัง เบลล่า ราณี และ น้องพลอย ผู้จัดการ เป็นร้านอยู่ใน ถนนพระราม 9 ซอย 45 เข้าซอยไปเพียง 30 เมตร อยู่ทางขวามือ เป็นร้านสีขาวชั้นเดียว กระจกหน้าร้านมีลวดลายดีไซน์สีฟ้าน้ำเงินเหมือนถุงขนม ดูดีมีเอกลักษณ์ ซึ่งตอนนี้มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นในกรุงเทพฯ แต่บางครั้งโจก็ไปออกร้าน pop up ตามศูนย์การค้า อย่างเช่นที่สยามพารากอนช่วงที่ผ่านมาด้วย

อย่างที่บอกไป ขนมที่ผมชื่นชอบมากที่สุดคือ Jo’s Bun Cream Caramel ขนมปังก้อนเล็กๆสอดไส้ครีมคาราเมลเข้มข้น 1 กล่องมี 8 ก้อน (180 บาท) คาราเมลสูตรเฉพาะของโจมีส่วนผสมของครีม เนย น้ำตาล และเกลือ เคี่ยวด้วยมือจนหอมและเข้มข้นมาก สมัยแรกที่ได้ลิ้มลองจะเคี่ยวจนเกือบไหม้ แต่ตอนนี้ได้ปรับสูตรให้ขมน้อยลง ซึ่งความจริงผมก็ชอบแบบเข้มสมัยก่อนเหมือนกัน ซึ่งจะทำที่เชียงใหม่แล้วส่งคาราเมลมาให้ที่กรุงเทพฯ

ใครติดใจคาราเมลก็มีคาราเมลกระปุก (185 บาท) ขายต่างหากด้วย นอกจากนี้ ยังมีรสชาติใหม่ Jo’s Bun Earl Grey ขนมปังสอดไส้ครีมรสชาเอิร์ลเกรย์ สำหรับผู้ที่ชอบชาหอมๆ

นอกจากนี้ โจยังเพิ่มพายรสชาติต่างๆ ขึ้นมาอีก แน่นอนว่าพายตัวแรกก็ยังขายดีอันดับหนึ่งอยู่ เรียกว่า Jo’s Original Banoffee Pie เป็นบานอฟพี่พายกล้วยหอม 5 ชั้นไม่เหมือนใคร ด้านล่างเป็นฐานครัสต์กรุบกรอบ ต่อด้วยชั้นดาร์กช็อกโกแลตกานาช ชั้นกล้วยหอม ชั้นคาราเมลซิกเนเจอร์ของโจ ส่วนด้านบนเป็นวิปปิ้งครีมสดๆ มีทั้งขายเป็นกระปุกสำหรับกินคนเดียว 120 กรัม 120 บาท ขนาดสำหรับ 2-3 คน 350 บาท และโจบอกว่ากำลังจะมีไซซ์พิเศษ คล้ายเค้กวันเกิด ขนาด 1-2 ปอนด์ด้วย สามารถส่งได้ถึงที่

ส่วนพายรสชาติใหม่ที่ผมชอบมากๆ คือ Jo’s Macchiato Pie 5 ชั้น มีคอฟฟีกานาชรสกาแฟ และมีทีเด็ดคือเยลลี่รสกาแฟเนื้อหนึบหอม มีความขมของกาแฟนิดๆ ตัดกันกับความหอมหวานของชั้นคาราเมล เป็นความอร่อยที่ลงตัวมาก มีทั้งขนาดกระปุก (140 บาท) และขนาดสำหรับกิน 2-3 คน (300 กรัม 400 บาท)

มีกาแฟก็ต้องมีชาเขียวด้วย Jo’s Matcha Pie พายมัทฉะชาเขียว นำเข้ามัทฉะชั้นดีจากคาโกชิมะ ประเทศญี่ปุ่น (กระปุก 1 คน 120 กรัม 140 บาท ขนาด 2-3 คน 350 กรัม 400 บาท) อีกทั้ง
Hojicha Pie-พายโฮจิฉะ ชาเขียวคั่ว จากญี่ปุ่น เป็นพาย 5 ชั้นเช่นกัน ทั้งฐานครัสต์ ชั้นครีมโฮจิฉะกานาชที่มีส่วนผสมของโฮจิฉะ และช็อกโกแลตขาว ตามด้วยชั้นวุ้นเยลลี่โฮจิฉะ ชั้นมูสโฮจิฉะและวิปปิ้งครีม (กระปุก 120 กรัม 140 บาท และ ขนาดสำหรับกิน 2-3 คน 350 กรัม 400 บาท)

คนชอบช็อกโกแลตให้ลอง Jo’s Crunchy Chocolate Caramel Pie (ครันชี่ช็อกโกแลตคาราเมลพาย) พายช็อกโกแลต 5 เลเยอร์ 5 ชั้น ที่เปลี่ยนจากกล้วยเป็นชั้นเฟยเยอทีน (Feuilletine) กรอบๆ ผสมกับช็อกโกแลตขาว และ Hazelnut Praline (กระปุก 1 คน 120 กรัม 140 บาท ขนาด 2-3 คน 350 กรัม 400 บาท)

และรสชาติสุดท้ายใส่ความเป็นไทยเข้าไปด้วยคือ Jo’s Cha Thai Pie หรือพายชาไทย ใช้ชาแบรนด์ไทยแท้ๆ ซึ่งมีชั้นครีมกานาชชาไทยผสมช็อกโกแลตขาว ชั้นวุ้นเยลลี่และชั้นมูสชาไทย
ที่ต้องเตรียมทำข้ามคืนเพื่อให้มีความหวานหอม (กระปุก 1 คน 120 กรัม 120 บาท ขนาด 2-3 คน 350 กรัม 350 บาท)

ซึ่งพายกับขนมปังไส้คาราเมลของโจจะเก็บไว้ในตู้เย็นได้ 5 วัน สำหรับแฟนๆ วัยเดียวกันกับปิ่นโตเถาเล็กที่ระมัดระวังเรื่องความหวาน ควรสั่งมาลองสักคำสองคำ แล้วส่งต่อให้ลูกหลานกินต่อก็ได้ สามารถสั่งได้ทุกวันตั้งแต่ 10 โมงเช้าจนถึง 5 โมงเย็น สอบถามข้อมูลได้ที่เบอร์ 09-8290-5094 (สำหรับที่เชียงใหม่) และ 06-2268-7394 (กรุงเทพฯ) นะจ๊ะ

ปิ่นโตเถาเล็ก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image