จับพันเอกเก๊ หลอกยืมเงิน อ้างให้รมต.เปิดทางลงทุนรถไฟรางคู่ มีโควต้าลอตเตอรี่กองสลาก เสียหายกว่า 20 ล้าน

จับพันเอกเก๊ หลอกยืมเงิน อ้างให้รัฐมนตรีเปิดทางลงทุนรถไฟรางคู่ มีโควต้าลอตเตอรี่ ก่อนเชิดเงินหนี เสียหายกว่า 20 ล้าน ตรวจสอบพบหมายจับอื้อ!

เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม. พ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.3 บก.ปคม., พ.ต.ต.เชษฐ์ศุภากร พิริยะพงษ์พันธ์ สว.กก.3 บก.ปคม. พร้อมตำรวจ กก.3 บก.ปคม. ร่วมกันจับกุม นายพันธ์เทพสักดิน (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 48 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงนนทบุรี ความผิดฐาน “พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.2534” และหมายจับคดีอื่นอีก 8 หมายจับ รวม 9 หมายจับ โดยมีทั้งข้อหา “ฉ้อโกงฯ” และ “พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คฯ ได้ที่บ้านหลังหนึ่ง ม.6 ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2566 เวลาประมาณ 07.00 น.

สืบเนื่องจากประมาณกลางปี 2564 หนึ่งในผู้เสียหายพบกับนายพันธ์เทพสักดิน ผู้ต้องหา ซึ่งผู้ต้องหาอ้างกับผู้เสียหายว่าตนเป็นทหารมียศพันเอกพิเศษ จบโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 19 รู้จักกับผู้ใหญ่เป็นรัฐมนตรีหลายคน พร้อมโชว์โปรไฟล์รูปภาพของตนที่ใส่เครื่องแบบทหารให้ผู้เสียหายดู พร้อมพาผู้เสียหายไปโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้เสียหายให้ตายใจ หลงเชื่อว่า ตนเป็นทหารเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อว่าตนเป็นทหาร ก็จะหลอกยืมเงินผู้เสียหายรวมกว่า 15 ล้าน อ้างว่าเอาไปให้ผู้ใหญ่เปิดทางการลงทุนรถไฟรางคู่ และอ้างว่าได้โควต้าลอตเตอรี่จากกองสลากจำนวนหลายหมื่นเล่ม จึงชักชวนให้ผู้เสียหาย ร่วมลงทุนซื้อลอตเตอรี่จากโควต้าดังกล่าว

จากนั้นเมื่อผู้เสียหายเห็นรูปภาพและโปรไฟล์ของผู้ต้องหาเชื่อว่าผู้ต้องหาเป็นทหารจริง น่าจะรู้จักกับผู้ใหญ่รัฐมนตรี และมีโควตาลอตเตอรี่จากกองสลากจริง จึงร่วมลงทุนกับผู้ต้องหา ต่อมาผู้เสียหายมาทราบในภายหลังจากผู้เสียหายรายอื่นๆ ที่ตามทวงหนี้กับผู้ต้องหา จึงเริ่มเอะใจเกี่ยวกับผู้ต้องหาว่าเป็นจริงอย่างที่ว่ากันหรือไม่จึงหาข้อมูล

Advertisement

จนมาทราบว่าผู้ต้องหาไม่ได้เป็นทหารจริง ผู้เสียหายจึงนำเช็คที่ผู้ต้องหาออกมาให้ผู้ต้องหา มูลค่ารวมกว่า 15 ล้าน นำไปขึ้นเงิน แต่ปรากฏว่าเช็คทั้งหมด ถูกธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ผู้เสียหายจำนวนหลายรายจึงทราบว่าทั้งหมดที่ผู้ต้องหาอ้างกับตนเป็นการหลอกลวงทำให้เกิดเสียหาย จึงยื่นฟ้องผู้ต้องหาต่อศาล แต่ผู้ต้องหาหลบหนีไม่มาศาล จนกระทั่งศาลออกหมายจับผู้ต้องหา รวม 9 หมายจับ รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 20 ล้านบาท

ต่อมาสืบทราบมาว่าผู้ต้องหาหลบหนีคดีมาพักอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.ลาดสวาย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี จึงขออนุมัติหมายค้นจากศาลและนำกำลังเข้าตรวจค้น พบผู้ต้องหาหลบอยู่ในบ้าน จึงจับกุมตัวนำส่งศาลแขวงนนทบุรีดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image