โฆษกตร.ติง ตำรวจโพสต์โซเชียลจรรยาบรรณมากกว่าปชช.ผู้บังคับบัญชาต้องสอดส่องตักเตือน
เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ท.อาชยน ไกรทอง โฆษก ตร. ชี้แจงกรณี ร.ต.อ.อาทิติยา เบ็ญจะปัก หรือ ผู้กองแคท รองสารวัตร กลุ่มงานวิชาการและงานสารบรรณ สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติ เลื่อนขึ้นตำแหน่งอย่างรวดเร็ว จนกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคม ว่าโดยชี้รายละเอียดทั้ง 3 ขั้นตอน ขั้นแรกการเข้ามาเป็นตำรวจ ร.ต.อ.หญิง เข้ามาเป็นตำรวจเริ่มจาก สำนักงานเลขานุการตำรวจแห่งชาติได้ตำแหน่งว่างระดับ รองสารวัตร ที่จำเป็นต้องมาทำงานด้านพิธีการ การประชุม และสารบรรณ จึงได้มีการเปิดรับสมัครให้มีผู้สมัคร โดยขออนุมัติ ตร.ในการสมัครจำนวน 4 คน จากนั้นได้ใช้วิธีการคัดเลือกตามคุณวุฒิที่เปิดรับสมัคร และได้เข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจโดยมีกฎ ก.ตร.ว่า ผู้ที่จะเข้ามาเป็นตำรวจลักษณะนี้จำเป็นที่จะต้องบรรจุเป็น ส.ต.ต.ก่อน เมื่อผ่านการอบรม กอส. จะได้ยศ ร.ต.ต. ส่วนเรื่องยศที่เลื่อนเร็วนั้น
พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า การเข้ามาเป็นตำรวจตามคุณวุฒิปริญญาตรี บรรจุประมาณ 1 ปี และจากร.ต.ท.เป็น ร.ต.อ.จะต้องครองยศ 3 ปี ในส่วนของคุณวุฒิปริญญาโท-ปริญญาเอก จาก ร.ต.ต.เป็น ร.ต.ท.ใช้เวลาประมาณ 1 ปี และครองยศอีก 1 ปี ก็จะได้ ร.ต.อ. ในกรณีของ ร.ต.อ.หญิง ได้เข้าอบรม กอส.กับเพื่อนตำรวจประมาณ 350 นาย มีหลักเกณฑ์ดังกล่าวเหมือนกันหมด โดยไม่มีใครได้รับอภิสิทธิ์ ที่จะได้ยศเร็วกว่าใคร โดยต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทุกๆ คน สำหรับคุณวุฒิของผู้กองแคท จากการตรวจสอบเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ได้รับสมัคร คือ วุฒิปริญญาโท ส่วนการรับสมัครตำแหน่งเดียวกับ ผู้กองแคท สำนักงานเลขานุการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ขออนุมัติจาก ตร.เปิดรับสมัครเข้ามาจำนวน 4 คน โดยมีการกำหนดคุณสมบัติตามที่หน่วยงานในตร.ต้องการไว้ก่อนจะเปิดรับสมัครสรรหาคนที่มีคุณวุฒิตรงตามที่กำหนดก่อนจะมีการคัดเลือกต่อไป
พล.ต.ท.อาชยนกล่าวต่อว่า กรณีของผู้กองแคท ไม่ขอใช้คำว่าตำแหน่งคุณวุฒิที่ขาดแคลนเพราะการเข้ามาเป็นข้าราชการตำรวจมีได้หลายทาง ตั้งแต่การสอบแข่งขัน ทายาท การโอนย้ายจากหน่วยราชการอื่น และโดยการคัดเลือก ในส่วนของความขาดแคลนก็เป็นอีกหนึ่งที่ ตร.มีการรับบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจ เช่น นักวิทยาศาสตร์ พิสูจน์หลักฐาน หรือว่าสายต่างๆ ที่สามารถมาทดแทนในส่วนที่ ตร.ขาดแคลน ก็ถือเป็นคุณวุฒิขาดแคลน กรณีของผู้แคท ซึ่งมีวุฒิปริญญาโททางด้านนิเทศศาสตร์นั้น ไม่ได้เป็นคุณวุฒิที่ขาดแคลน แต่เป็นความต้องการของหน่วยงานใน ตร.ที่จะกำหนดสเปกคนที่จะเข้ามาบรรจุรับราชการในระดับ รองสารวัตร ซึ่งมีสเปกและหลักเกณฑ์ต่างๆ ตามที่ต้องการจึงเปิดรับสมัครคนที่มีคุณสมบัติตามที่กำหนดได้เข้ามา เพื่อตอบสนองความต้องการของหน่วย
ส่วนหลักสูตร กอส.เป็นหลักสูตรที่ให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาเป็นตำรวจได้มีการอบรมแต่ละปีก็จะมีประมาณ 1 รุ่น รุ่นละ 300-350 นาย ในบางปีถ้ามีการรับสมัครจากบุคคลภายนอกไม่ว่าเหตุผลต่างๆ ก็คือ การสอบแข่งขัน ทายาท คัดเลือกหรือโอนย้ายต่างๆ มีจำนวนมากกว่าหลักสูตรก็จะทดไปเรียนในปีถัดไป ถือว่าเป็นวงรอบในการอบรม
พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า นอกจากหลักสูตร กอส.แล้วก็มีหลักสูตร กอน.ที่จะรับตำรวจชั้นประทวนเข้ามาสอบแข่งขันกันเพื่อเลื่อนชั้นตำรวจสัญญาบัตรและมาอบรม และมีหลักสูตร กอต.ซึ่งเป็นการรับตรงคือรับเฉพาะพนักงานสอบสวนจะมีการสอบแข่งขัน เพื่อเป็นพนักงานสอบสวน แต่ทุกหลักสูตรจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องของคุณสมบัติและความครบถ้วน ถ้าที่นั่งเกินก็จะต้องไปอบรมในรอบถัดไป
พล.ต.ท.อาชยนกล่าวต่อว่า สำหรับโรงเรียนนายร้อยตำรวจ แต่ละปีจะรับประมาณ 200-300 นาย ส่วนเหตุผลการอบรมในการศึกษาชัดเจนอยู่แล้วว่าข้าราชการตำรวจมีความหลากหลายในการปฎิบัติหน้าที่ในสายอาชีพที่ต้องการคนที่มีความรู้ในด้านต่างๆ มาทำงาน ในส่วนของการอบรม กอส.ที่ต้องการคุณวุฒิต่างๆ เข้ามาเป็นตำรวจก็เป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญ เช่น แพทย์ วิทยาศาสตร์ ตำรวจน้ำ หรือบัญชี ฯลฯ เพราะต้องมีบุคลากรที่คอยซัพพอร์ต ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายอำนวยการ ในส่วนของ นรต.ที่มีการอบรม เป็นคนที่มีความตั้งใจตั้งแต่มัธยมแล้วว่า อาชีพที่ใฝ่ฝันอยากเป็นตำรวจ โดยมีวุฒิชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายเข้ามาสอบ ตรงนี้จะมีความเข้มข้นเรื่องของการเรียนเพื่อจบมาเป็นตำรวจอาชีพเป็นพนักงานสอบสวน ต้องเป็นชุดสืบสวน จราจร หรือสายงานต่างๆ เป็นฟร้อนไลน์ที่ส่วนใหญ่เห็นตามโรงพัก ทั้งหน่วยปฎิบัติ ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องอบรมให้เป็นตำรวจตั้งแต่ชั้นปริญญาตรี เมื่อจบโรงเรียนนายร้อยตำรวจก็จะได้วุฒิปริญญาตรี ซึ่งจะไม่เหมือนบุคคลภายนอกที่อาจจะไม่ได้เบนเข็มมาเป็นตำรวจตั้งแต่ต้น แต่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น บัญชี วิทยาศาสตร์ แพทย์ หรือคุณวุฒิอะไรก็ตามที่ ตร.ก็ต้องเป็นหน่วยสนับสนุนให้กับบุคคลากร
เมื่อถามว่าเมื่อจบ รร.นรต.กับวุฒิการศึกษา รร.นรต. เมื่อเทียบกับวุฒิการศึกษากับบุคคลภายนอก ชั้นยศระดับรองสารวัตร ระยะเวลาจะไปพร้อมกันหรือไม่ พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า ใช้หลักเกณฑ์เดียวกันหมด พอจบ ร.ต.ต.ก็เหมือนกัน ถ้าเกิดว่าการครองยศไปจนถึง ร.ต.อ.จะมีการกำหนดชัดเจนว่ากี่ปีได้ขึ้น แต่พอขึ้นระดับสารวัตรที่เรียกว่า พ.ต.ต.ก็จะอยู่ที่ตำแหน่งที่ว่างในแต่ละปี และก็มีสายงานต่างๆ
พล.ต.ท.อาชยนกล่าวต่อว่า ข้าราชการตำรวจทุกนาย หลังจากการใช้ พ.ร.บ.ตำรวจ 2565 แล้ว จะแบ่งชัดเจนว่าข้าราชการตำรวจจะมีสายงานที่ต้องปฎิบัติชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการสอบแข่งขันคัดเลือกโดยระบบต่างๆ ก็จะมีการโปร่งใสมากขึ้น และก็จะมีมืออาชีพทางด้านสายงานต่างๆ มากขึ้น ตรงจุดนี้เราเพิ่มหลักเกณฑ์ให้มีความเข้มข้นในเรื่องของการรับสมัครบุคลากรที่มาจากข้างนอกให้ตรงกับเรามากที่สุด ซึ่งตอนนี้สำนักงานกำลังพล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำลังเร่งดำเนินการตรงจุดนี้ เพื่อให้การสมัครข้าราชการตำรวจตรงเป้าประสงค์กับความต้องการของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และพี่น้องประชาชนมากที่สุด
เมื่อถามว่า ตำรวจชั้นผู้น้อยที่ระบุว่า ไม่ได้รับโอกาสในการเลื่อนชั้นยศ หรือว่ามีโอกาสในหน้าที่การงาน ตามที่มีการเผยแพร่ สามารถชี้แจงได้หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า หลักสูตร กอส.คือบุคคลภายนอกมาเป็นตำรวจ แต่อีกส่วนเรามีการจัดสอบแข่งขันระดับชั้นประทวนด้วยกันเอง ให้มาเป็นตำรวจสัญญาบัตร และก็มีการฝึกที่เรียกว่า กอน. ตรงจุดนี้ก็มีด้วย ส่วนนี้ก็เป็นการเพิ่มขวัญและกำลังใจกับข้าราชการตำรวจชั้นประทวน ขณะนี้สำนักงานกำลังพลได้รับนโยบายจาก ผบ.ตร. ให้มีการคัดเลือกข้าราชการตำรวจชั้นประทวนที่ประพฤติดี มีความตั้งใจ มีหลักเกณฑ์คุณวุฒิต่างๆ ครบถ้วน เพื่อให้เลื่อนเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรในปีหน้า คิดว่าประมาณ 900 นาย ทุกอย่างก็ต้องบาลานซ์ในเรื่องของความต้องการคุณวุฒิหรือการปฎิบัติหน้าที่ที่จำเป็นจะต้องมีหลากหลาย
เมื่อถามว่า โดยเฉพาะชั้นประทวนที่มีวุฒิปริญญาตรี ปริญญาโท หรือบางคนเป็นดอกเตอร์ มีโอกาสเลื่อนขั้น หรือว่าจะต้องไปสอบตามขั้นตอน พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคุณวุฒิตอนสมัครเข้า และในส่วนที่เป็นชั้นประทวนหรือชั้นสัญญาบัตรนั้น ในส่วนที่จะไปศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมก็เป็นสิ่งที่ดี ให้ทุกคนเป็นโอกาสเป็นสัญญาบัตร แต่ผู้บังคับบัญชาระดับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีดำริให้ดูแลขวัญกำลังใจ ถึงได้มีการเปิดตำแหน่งให้ตำรวจชั้นประทวนสอบแข่งขัน และสามารถเลื่อนเป็นตำรวจชั้นสัญญาบัตรได้
เมื่อถามถึงกรณีหลักสูตร กอส.ที่มีประชาชนภายนอกสมัครเข้ามาบางคนเป็นเจ้าของเว็บพนัน หรือพัวพันกับธุรกิจสีเทา จะชี้แจงอย่างไร พล.ต.ท.อาชยน กล่าวว่า มี 2 ประเด็น ประเด็นแรกตอนรับเข้ามาก็ตรงตามคุณวุฒิความต้องการของหน่วย เมื่อผ่านมาแล้วอาจมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมก็ต้องดำเนินการ ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นมีหน้าที่หลักในเรื่องของการดำเนินการ เมื่อพบเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง มีความผิดวินัย หรือน่าเชื่อว่ากระทำผิดก็ต้องดำเนินการตามหลักเกณฑ์ ระเบียบ ในประเด็นที่ 2 ถ้าพบว่าตั้งแต่ก่อนเข้ามีประวัติ ไม่มีประวัติอย่างไร และรับเข้ามา ก็คงต้องดูว่ากระบวนการขั้นตอนในการรับมีอะไรผิดพลาดหรือไม่ ต้องนำมาเป็นบทเรียนว่าในกรณีที่อาจจะรับเข้ามาแล้วมีความประพฤติที่ไม่ดีมาก่อนเข้าก็ต้องมีการปรับปรุงในเรื่องของวิธีการรับให้รัดกุมยิ่งขึ้น
เมื่อถามถึงกระแสสังคมระบุว่า กอส.จะเข้ามาได้ต้องเป็นเด็กนาย เด็กเส้น เด็กตระกูลดัง พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า หลักสูตร กอส.เป็นหลักสูตรที่ดีที่ทำให้บุคคลภายนอกได้เข้ามาจากหลายภาคส่วน จากหลายเหตุผลหลายวิธีการเข้ามาเรียนด้วยกันเพื่อให้ซึมซับในเรื่องของวิสัยทัศน์ความเป็นตำรวจ ยุทธวิธีต่างๆ ให้เข้าใจลึกซึ้งบทบาทของตำรวจทุกๆ อย่าง แต่ในส่วนของแต่ละบุคคลผมคิดว่าจะต้องมองแยกกันเป็นบุคคลเป็นรายๆ ไปที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาบุคคลที่ได้พูดถึงอยู่ก็ได้มีการถูกตรวจสอบได้ดำเนินการทางวินัย บางคนก็ถูกไล่ออกปลดออกไปแล้ว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราก็ต้องเพิ่มการระแวดระวังทำให้หลักเกณฑ์นี้สามารถที่จะเข้มแข็งขึ้นจะต้องสกรีนคนที่ต้องการเป็นตำรวจที่เป็นคนดีจริงๆ ที่จะเข้ามาอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ได้มากที่สุด
พล.ต.ท.อาชยนกล่าวต่อว่า จริงๆ ก็ต้องเรียนว่าเมื่อมีข้อสงสัยหรือมีข้อที่คิดว่าอยากจะทราบ เราก็พร้อมจะชี้แจงทุกๆ อย่างในเรื่องของการดำเนินการอะไรของสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมที่จะชี้แจงในสิ่งที่เป็นประเด็นมีข้อสงสัยหรือมีข้อที่ยังคลางแคลงใจอยู่ในเรื่องของกฎระเบียบ หรืออะไรก็ตามในสิ่งที่เป็นข้าราชการตำรวจ ทุกคนก็ควรจะต้องมีความโปร่งใสเพื่อให้สามารถตรวจสอบได้
กรณีที่ผู้กองแคทได้โพสต์ผ่านโซเชียลเข้าข่ายผิดวินัยหรือไม่ พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า จริงๆแล้วคำสั่งไม่ได้ห้ามเล่นโซเชียล แต่ตำรวจเป็นข้าราชการที่ต้องมีจรรยาบรรณเยอะกว่าประชาชนธรรมดา ฉะนั้นจะต้องพิจารณาความเหมาะสมในเรื่องของการใช้โซเชียลจะต้องเป็นไปแบบไหน ซึ่งต้องยอมรับว่าในยุคนี้การใช้โซเชียลแพร่หลายมาก ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นต้องมีการสอดส่องดูแลและตักเตือนถึงความเหมาะสมต่างๆ คอนเทนต์อะไรที่ดูแล้วไม่เหมาะก็ต้องไม่ทำและไม่ลง ส่วนไหนที่เข้าข่ายผิดวินัยก็ต้องดำเนินการ แต่ในส่วนไหนที่สามารถตักเตือนกันได้หรือถ้าบ่อยมากไปแต่ไม่ได้ผิดอะไรมากก็ให้ตักเตือนให้โพสต์ให้น้อยลง ต้องยอมรับว่าบางคนอาจจะลงไปเพื่อโปรโมตตัวเอง บางคนก็อยากได้ยอดไลค์ แต่ไม่ใช่ข้าราชการตำรวจที่จำเป็นต้องใช้เครื่องแบบมาดำเนินการ
พล.ต.ท.อาชยน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ มีระเบียบปฏิบัติอยู่แล้ว ผู้บังคับบัญชาชั้นต้นจะต้องพิจารณาหากเผยแพร่ไปแล้วใครพบเห็นที่เข้าข่ายกระทำผิดวินัย ไม่ได้พูดถึงข้าราชการคนใดคนหนึ่งแต่พูดถึงทุกคนที่ได้มีการเล่นโซเชียลและมีการโพสต์ ทุกอย่างขั้นตอนก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริง ถ้าพบว่ามีการผิดวินัยก็ต้องดำเนินการ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้ปิดกั้นการเล่นโซเชียลมีเดียของตำรวจแต่ให้พิจารณาใช้ความเหมาะสมให้พอดี และมีจรรยาบรรณในวิชาชีพในเรื่องของการรับราชการ การใส่เครื่องแบบแล้วทำกิริยาไม่เหมาะสม
เมื่อถามว่า ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชายังไม่ได้มีการดำเนินการทางวินัยกับผู้กองแคทใช่หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า ยัง
ถามต่อว่า หน่วยงานอื่นๆ ที่จะเปิดรับสมัคร กอส.ได้ทุกหน่วยงานหรือไม่ พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า สำนักงานกำลังพลจะเป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติของแต่ละหน่วยว่าในแต่ละปีมีข้าราชการในหน่วยสังกัดใดที่ได้บรรจุและมีเงื่อนไขที่ต้องเข้าอบรมกอส. ก็จะจัดเป็นลำดับไว้และจะมีเรื่องของการเปิดที่นั่งตามงบประมาณที่ได้จัดสรรไว้ในแต่ละปี
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาหลักสูตร กอส.มีข้อครหาเยอะ ทาง ตร.มีการกำชับไปยังหน่วยในการรับคนมีการวางหลักเกณฑ์และมีข้อสั่งการอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า กอส.ที่ผลิตไปหลายๆ ท่านก็เป็นบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ก็ไม่อยากให้เล็งเห็นถึงบางคนที่มีความประพฤติไม่เหมาะสม อย่างไรก็ตามก็คงต้องยอมรับว่าอาจจะมีบางส่วนที่ไปข้องเกี่ยวในเรื่องความประพฤติหรือการกระทำผิดต่างๆ แต่พร้อมที่จะปรับปรุงเรื่องหลักการ หลักเกณฑ์ในเรื่องของการรับสมัครให้ดูทันสมัยต่อสถานการณ์ และสามารถที่จะเลือกคนที่เราต้องการและอยู่กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีความตั้งใจในอนาคตให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามต่อว่า ปีนี้จะต้องมีการชะลอการรับ กอส.หรือไม่ พล.ต.ท.อาชยนกล่าวว่า จริงๆ แล้ว กอส.ไม่มีเรื่องอะไร ที่เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมเป็นหลักเกณฑ์ที่บุคคลภายนอกเมื่อผ่านการบรรจุไปแล้วเข้าหลักเกณฑ์ในการอบรม ก็ต้องมีการอบรม