รวบ ‘วัยรุ่นสร้างตัว’ โพสต์ขายยาแก้ไอ-บุหรี่ไฟฟ้า เผยขายรถ-ทอง-ออมเงินมาลงทุน ดูแลครอบครัว

ตำรวจ สภ.ท่าพระ และฝ่ายปกครองอำเภอเมืองขอนแก่น รวบวัยรุ่นสร้างตัวโพสต์ขายยาแก้ไอและบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางเฟซบุ๊ก สารภาพสั่งซื้อยาแก้ไอและบุหรี่ไฟฟ้าทางแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อนำมาขายต่อ โอดต้องขายทองคำรูปพรรณและรถจักรยานยนต์เพื่อนำเงินไปเป็นทุนในการซื้อสินค้ามาขายหาเงินเลี้ยงครอบครัว

เมื่อเวลา 17.30 น. วันที่ 25 มิถุนายน พ.ต.ต.ทินกร จันทะเรือง สว.สส.สภ.ท่าพระ พร้อมด้วย พ.ต.ต.ดนัย ถนอมชีพ สว.กก.สส.ภ.จว.ขอนแก่น นายปัณณทัต สามิบัติ เจ้าพนักงานปกครองชำนาญการ นายอรรถพล ทิพย์ดารา ปลัดอำเภอเมืองขอนแก่น และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง

นำกำลังเข้าตรวจสอบที่บ้านหลังหนึ่ง ใน อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชน ที่ร้องเรียนผ่านทางเพจเฟซบุ๊กชื่อ “ขอนแก่นอย่าล้ำเส้น” เพจข่าวในจังหวัดขอนแก่น ว่ามีชายและหญิง 2 คน ซึ่งทั้งคู่เป็นแฟนกัน ได้โพสต์โฆษณาขายบุหรี่ไฟฟ้า และยาแก้ไอ (ผิดกฎหมาย) ในสื่อสังคมออนไลน์ พร้อมกับส่งหลักฐานการโพสต์ขายดังกล่าวมายังเพจ ทางแอดมินเพจจึงได้ประสานมายังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองขอนแก่น ก่อนจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าตรวจสอบ

ซึ่งในขณะที่เจ้าหน้าที่ไปถึงบริเวณหน้าบ้าน ได้พบกับหญิงรายหนึ่งอายุประมาณ 20 ปี ทราบชื่อเล่นว่า “มินตรา” ซึ่งเป็นบุคคลที่ตรงกับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ได้รับว่า เป็นผู้ร่วมโพสต์ขายยาแก้ไอและบุหรี่ไฟฟ้าร่วมกับ นายพุทธิพงษ์ สมานประธาน อายุ 21 ปี

Advertisement

เจ้าหน้าที่จึงวางแผนให้ น.ส.มินตรา โทรศัพท์แจ้งให้นายพุทธิพงษ์เข้ามาที่บ้าน เมื่อนายพุทธิพงษ์ขับขี่รถจักรยานยนต์เข้ามาที่บ้าน เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเข้าจับกุม ก่อนจะพาไปตรวจค้นหาของกลางภายในบ้าน โดยพบว่า มียาแก้ไอฝาสีแดง จำนวน 18 ขวด บรรจุภายในลังกระดาษ ยาแก้ไอฝาสีเทา จำนวน 26 ขวด บรรจุภายในลังกระดาษ และบุหรี่ไฟฟ้าจำนวน 15 อัน เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการควบคุมตัวนายพุทธิพงษ์ ผู้ต้องหา พร้อมตรวจยึดของกลางทั้งหมด มาทำบันทึกจับกุมดำเนินคดี ที่ สภ.ท่าพระ อ.เมืองขอนแก่น

จากการสอบสวน นายพุทธิพงษ์ ให้การรับสารภาพว่า ยาแก้ไอและบุหรี่ไฟฟ้าทั้งหมดที่เจ้าหน้าที่ตรวจยึดได้ เป็นของตนเองทั้งหมด โดยตนเองได้สั่งซื้อยาแก้ไอและบุหรี่ไฟฟ้าจากพ่อค้ารายหนึ่งผ่านทางแอพพลิเคชั่นไลน์ หลังสั่งซื้อผู้ขายจะส่งสินค้ามาให้ทางไปรษณีย์ จากนั้นตนเองก็จะนำมาโพสต์ขายผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยยาแก้ไอฝาขาวจะขายขวดละ 80 บาท ฝาแดงขวดละ 90 บาท โดยเงินที่ใช้เป็นทุนในการซื้อของดังกล่าวมาขาย

Advertisement

เป็นเงินที่ตนเองเก็บออมจากการทำงาน รวมทั้งเงินที่ได้จากการขายรถจักรยานยนต์และสร้อยคอทองคำรูปพรรณ ซึ่งเงินที่ได้จากการขายบุหรี่ไฟฟ้าและยาแก้ไอก็จะนำมาเป็นค่าใช้จ่ายเลี้ยงดูพ่อแม่และคนในครอบครัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้อธิบายว่า ผู้ต้องหาจะอ้างปัญหาอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ข้ออ้างที่จะกระทำในสิ่งที่ผิดกฎหมาย

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้ง 3 ข้อหา คือ 1.เป็นผู้ขายยาแผนปัจจุบัน โดยไม่มีใบอนุญาต (พ.ร.บ.ยาฯ มาตรา 12) 2.มิได้เป็นผู้ประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมทำการประกอบวิชาชีพเภสัชกรรมหรือแสดงด้วยวิธีใดๆ ให้ผู้อื่นเข้าใจว่าตนเป็นผู้มีสิทธิประกอบวิชาชีพดังกล่าว โดยมิได้ขึ้นทะเบียนและรับใบอนุญาต (พ.ร.บ.วิชาชีพเภสัชกรรม มาตรา 28) 3.พ.ร.บ.ศุลกากร พ.ศ.2560 “ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ซึ่งของอันตนพึงรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียค่าภาษี หรือของต้องห้าม หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังมิได้ผ่านพิธีการศุลกากรโดยถูกต้อง นำตัวผู้ต้องหา พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าพระ ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image