บิ๊กโจ๊กยันไม่เอามวลชนกดดันก.พ.ค. ด้านผู้การแต้มชี้ ถ้าพบข้อมูลเท็จฟ้องกลับ

บิ๊กโจ๊กยันไม่เอามวลชนกดดัน ก.พ.ค. ซัด นายกฯเศรษฐาโม้ บอกจะให้ความเป็นธรรม แต่ยังไม่ทำอะไร ด้านอดีตผู้การแต้มชี้ถ้าพบข้อมูลเท็จฟ้องกลับ

เมื่อเวลา 13.50 น. วันที่ 29 มิถุนายน ที่สมาคมชาวปักษ์ใต้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถนนกาญจนาภิเษก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะนายกสมาคมฯ พร้อมกรรมการบริหารสมาคมฯ เดินทางมาประชุมการบริหารสมาคมฯ และรับกำลังใจจากชาวใต้ 14 จังหวัด

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์เปิดเผยว่า ตนอยากขอบคุณพี่น้องชาวปักษ์ใต้และประชาชนอีกจำนวนมาก ทุกวันนี้ไม่ว่าตนจะไปที่ไหน แม้แต่เดินอยู่ริมถนน ก็มีประชาชนคอยส่งกำลังใจให้ตลอดที่พบเจอ ซึ่งนับเป็นกำลังใจที่สำคัญสำหรับตน และเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าประชาชนเชื่อมันและศรัทธาในตัวตน ยืนยันไม่มีการจ้างหรือจัดตั้งเกณฑ์ประชาชนมาให้กำลังใจ ประชาชนที่มาให้กำลังใจตน เป็นการมาแบบธรรมชาติเรียกว่า “พลังบริสุทธิ์” ซึ่งการจัดตั้งหรือไม่จัดตั้งประชาชนนั้นเป็นสิ่งที่โกหกไม่ได้ ตนไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส., ส.ว. ไม่มีความจำเป็นต้องทำแบบนั้น และก่อนหน้านี้ตนเคยไปออกรายการหนึ่ง ซึ่งรายการดังกล่าวได้ทำโพลความเห็นประชาชนที่เชื่อว่าตนจะได้กลับมาทำงานมีถึง 78%

Advertisement

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า ตนไม่มีความคิดจะเอามวลชน หรือประชาชนไปกดดันคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) แต่อย่างใด แต่หากไปดูในโซเชียลที่มีการให้กำลังใจตนอย่างล้นหลามนั้น เป็นสิ่งที่ตนควบคุมไม่ได้ ตนน่าจะเป็นตำรวจคนเดียวที่โดนคดีอาญาแล้วประชาชนเห็นใจและให้กำลังใจ ซึ่งนับว่าเป็นประวัติศาสตร์ และตนภูมิใจในตนเองเพราะที่ผ่านตนบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียมเพื่อดูแลประชาชน และในส่วนที่จะมีประชาชนมองว่าเป็นการดึงสมาคมเข้ามาข้องเกี่ยวหรือไม่นั้น ยืนยันว่าไม่ใช่การดึงมาข้องเกี่ยวอย่างแน่นอน แต่เนื่องจากตนเป็นความหวังของคนใต้ และคนใต้มีลักษณะนิสัยไม่ทิ้งกัน รักใครรักจริง แต่หากถูกรังแกจะต่อสู้หลังชนฝา

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากโดนคู่กรณีฟ้องกลับจะมีแนวทางอย่างไร พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การฟ้องร้องใครก็สามารถฟ้องได้ แต่ต้องให้ศาลเป็นผู้พิจารณา อยู่ที่ว่ามีพยานหลักฐานหรือไม่ แต่ที่ตนฟ้อง ฟ้องตามพยานหลักฐาน แม้อีกฝ่ายจะอ้างว่าไม่ได้มีการเอ่ยถึงตนก็ตาม และในส่วนการฟ้องร้องยืนยันว่าไม่ได้มีการเกลียดกัน ยังนับถือกันเป็นพี่เป็นน้อง

ภายหลังให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ได้มารับดอกไม้จากพี่น้องชาวปักษ์ใต้ และได้กล่าวพูดถึงช่วงหนึ่งว่า ถูกกระทำโดนรุมกินโต๊ะจีน ไม่ต้องห่วง กำลังต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเอง ถ้าไม่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของตัวเองแล้วต่อไป จะไปให้ความยุติธรรมกับคนใต้และคนภาคอื่นได้อย่างไร วันนี้เรื่องความยุติธรรมเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อความยุติธรรมมันไม่ได้รับจากระบบก็ต้องได้รับจากการต่อสู้ ท่านจะเห็นว่า แป้ง นาโหนด ซึ่งก็เป็นคนใต้บ้านเราที่ต้องหนีมันเกิดจากความยุติธรรม

Advertisement

“บางประเทศไม่มีทะเลแต่มีกองทัพเรือ เหมือนกับประเทศไทย ที่ไม่มีความยุติธรรมแต่ก็มีกระทรวงยุติธรรม ต้องเป็นต้นแบบของความยุติธรรม อย่างเช่นที่เคยทำหน้าที่ทุกครั้ง จะเป็นอะไรก็ได้ เป็นชาวบ้านธรรมดาก็ได้ แต่ต้องถูกต้องและเป็นธรรม หากไม่ถูกต้องก็ต้องต่อสู้ นายกรัฐมนตรีบอกว่าจะให้ความเป็นธรรม แต่สิ่งที่นายกฯพูดแค่วลี วาทกรรม ถ้าภาษาใต้คือ โม้ ทุกวันนี้ไม่เห็นทำอะไรเลย ที่เคยบอกว่าจะแก้หนี้นอกระบบ ทุกวันนี้คนยังอยากผูกคอตายอยู่เลย วันนี้สิ่งที่เป็นคนต้องการคือความโปร่งใส ฝากถึงชาวใต้ว่า ไม่ต้องกังวลใจ ยืนยันจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมแน่นอน” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์กล่าว

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อไปยัง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีต รอง ผบช.น. เผยถึงกรณีที่เมื่อวานนี้ (28 มิ.ย.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฟ้องกูรูด้านกฎหมายที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ในฐานหมิ่นประมาท ซึ่งมีกระแสข่าวว่าคนส่วนใหญ่รู้ว่าเป็น พล.ต.ต.วิชัย โดยกล่าวว่า ตอนนี้ตนยังไม่ได้รับหมายศาล ซึ่งไม่รู้ว่าทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ฟ้องใคร และก็ไม่รู้ว่าเป็นตนหรือไม่ แต่หากว่ามีหมายศาลมาถึงตน ก็จะพิจารณาข้อมูลจากหมายศาลดังกล่าวในการฟ้องกลับฐานหมิ่นประมาท และหากพบว่าข้อมูลที่ปรากฏในหมายศาลเป็นเท็จ ก็จะดำเนินการฟ้องเท็จอีก 1 ข้อหา

ส่วนตัวเชื่อว่า ตนไม่เคยพาดพิงหรือใส่ความ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ให้เกิดความเสียหายเลย ตนพูดแค่ในแง่ของกฎหมายเท่านั้น ซึ่งในตอนนี้ยังไม่สามารถฟ้องกลับได้ เพราะยังไม่มีรายละเอียดประเด็นดังกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image