‘บิ๊กโจ๊ก’ ขึ้นศาลไต่สวน คดีหมิ่น ลั่นยังเจรจาไกล่เกลี่ยได้ เผยฟ้อง ‘ผู้การแต้ม’ แต่ยังเคารพ

‘บิ๊กโจ๊ก’ ขึ้นศาลไต่สวน คดีหมิ่น ลั่นยังเจรจาไกล่เกลี่ยได้ เผยฟ้อง’ผู้การแต้ม’ แต่ยังเคารพ ขณะที่’บิ๊กเต่า’ ยังเผาผีกับ ‘รองฯโจ๊ก’ ตายส่งพวงหรีด ใส่ซอง อโหสิกรรม

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 1 กรกฎาคม 67 ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. เดินทางเข้าไต่สวนมูลฟ้องคดีที่ตัวเองฟ้องหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่งมีการฟ้องความผิดรวม 3 กรรม แต่ปรากฏว่าทางฝั่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ส่งทนายความขอเลื่อนนัดเป็นครั้งที่สอง เมื่อถามว่าการเลื่อนนัดสองครั้งแบบนี้มีนัยยะอะไรหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า ไม่ขอตอบให้ไปคิดกันเอาเอง

ในส่วนของการฟ้องหมิ่นประมาทครั้งนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ แต่ต้องผ่านการพูดคุยเจรจากันก่อน โดยมองว่า “ไม่มีสงครามไหนที่จะรบกันจนฆ่ากันตาย” 

Advertisement

ส่วนกรณีที่สัปดาห์ที่แล้วได้ฟ้องหมิ่นประมาทฯ ผู้การแต้ม พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ก็เป็นเพียงการใช้สิทธิ แต่ส่วนตัวก็ยังเคารพนับถือเหมือนเดิมในฐานะรุ่นพี่ ซึ่งยืนยันว่าหลังจากนี้ก็ยังพูดคุยเจรจากันได้

เมื่อถามว่าทำไมถึงไม่รอให้การพิจารณาของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจแล้วเสร็จก่อนถึงจะฟ้องดำเนินคดีกับคนที่เกี่ยวข้อง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า ถ้าตัวเองไม่ออกมาพูดสังคมก็จะสับสน อีกทั้งยังมองว่าการออกมาพูดครั้งนี้ก็ทำให้กูรูที่ออกมาแสดงความคิดเห็นกันน้อยลง ส่วนการกลับเข้าไปรับราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตอนนี้ก็อยู่ระหว่างคณะกรรมการระบบพิทักษ์คุณธรรมข้าราชการตำรวจดำเนินการตรวจสอบคำอุทธรณ์

โดยขณะนี้ทาง พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ไปยื่นความเห็นแย้งกลับคืนมาแล้ว ซึ่งตัวเองอยู่ระหว่างการตรวจสอบก่อนส่งคำแย้งกลับไป เมื่อถามว่าจะส่งคำแย้งภายในวันอังคารตามที่เคยให้สัมภาษณ์ไว้หรือไม่

Advertisement

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า ไม่น่าทันเพราะมีรายละเอียดเยอะที่ต้องไปศึกษาก่อน ส่วนตัวไม่รู้ว่าผลของคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมจะเป็นคุณกับตัวเองหรือไม่ แต่ตัวเองก็ยังมีความเชื่อมั่นในคณะกรรมการชุดนี้ เพราะแต่ละท่านเป็นข้าราชการเกษียณที่ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับองค์กร ทำงานเพื่อรักษาระบบคุณธรรม และชื่อเสียงของตัวคณะกรรมการแต่ละท่านเอง ส่วนระยะเวลาในการพิจารณานั้นตอนนี้ยังเชื่อว่าน่าจะทำงานตามกรอบเดิม
ส่วนพี่บอกว่าจะฟ้องนายกฯ ชุด ก.ตร.และกูรูตำรวจ ตอนนี้กำลังดูรายละเอียดส่วนไหนที่เข้าข่ายความผิดก็ต้องดำเนินการ อย่าง ก.ตร.ที่มีส่วนในการลงมติเรื่องคำสั่งให้ตัวเองออกจากราชการไว้ก่อน เมื่อมาดูรายละเอียดใหม่ ก็เห็นว่าไม่ได้มีการลงมติชี้ผิดถูก 12 ต่อ 0 อย่างที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ ส่วนนี้ก็ต้องมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะฟ้องดำเนินคดีหรือไม่ ซึ่งทุกอย่างต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ
เมื่อถามว่าหยุดไปสองวันเสาร์-อาทิตย์ เหมือนอารมณ์จะเย็นลงหรือไม่ ถึงไม่ไล่ฟ้องแบบที่ให้สัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์บอกว่า อารมณ์เย็นลงอยู่แล้วแต่เรื่องการใช้สิทธิฟ้องร้องก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง วันนี้มองว่าจะทำอะไรทำด้วยอารมณ์ไม่ได้เพราะไม่อย่างนั้นอาจเดือดร้อนเอ

ต่อมาพล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) กล่าวว่า หลังทราบว่าถูกฟ้อง 2 คดี หลังจากได้ให้สัมภาษณ์ไป จึงได้ปรึกษากับทนายความ ซึ่งในช่วงแรกทนายความได้ขอเลื่อนไปก่อน เพราะติดว่าความและมีธุระ ซึ่งโดยส่วนตัวไม่อยากเลื่อน แต่ทนายขอเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ให้พร้อมก่อน ส่วนที่ทาง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์จะพูดอะไรก็ขอให้ว่าไป แต่เราเป็นตำรวจอาชีพและมีหน้าที่จะต้องทำงาน ส่วนเรื่องการฟ้องหมิ่นประมาทเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่สาระสำคัญ เป็นเรื่องกวนใจ เพราะตนเองเป็นโฆษกของคณะทำงานสืบสวนสอบสวนก็ต้องพูดไปตามเนื้อหาในการให้ข้อมูลข้อเท็จจริงให้ประชาชนทราบว่าตำรวจทำงานอย่างไร มีพยานหลักฐานอะไร และเพื่อสร้างขวัญกำลังใจให้คณะทำงานเพราะถูกข่มขู่คุกคาม พยายามทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่เดินไปได้สะดวก ไม่เสียหายและเสื่อมเสีย จึงต้องออกมาพูดให้ประชาชนเข้าใจ ไม่ได้นำเนื้อหาสำนวนโดยละเอียดออกมาพูดชี้แจง เพราะในรายละเอียดจะต้องไปสู้กันในศาล

ส่วนการออกมาพูดกับสื่อแต่ละครั้ง เป็นการออกมาพูดเรื่องกฎหมายและขั้นตอน ซึ่งไม่ได้นำข้อมูลในสำนวนคดีออกมาเปิดเผย ยืนยันว่าการออกมาพูดของตนในวันนี้ เป็นการปกป้องสิทธิ์ส่วนตัว ไม่ใช่ออกมาพูดในช่วงที่ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกลับเข้ามาดำรงตำแหน่ง ส่วนกรณีที่อดีตผู้บังคับบัญชาออกมาแสดงความคิดเห็นว่า การที่ตำรวจชั้นผู้น้อยไปตำหนิตำรวจชั้นผู้ใหญ่ เป็นการกระทำที่วงการทหารไม่ทำกัน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ มองว่า การที่ตนเองออกมาพูดเป็นการให้ข้อเท็จจริง และไม่ได้ระบุว่าใครทำอะไร ซึ่งถือว่าพูดถึงส่วนรวม ไม่ได้ตำหนิใครหรือเจาะจงบุคคลใด

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า องค์กรตำรวจไม่ได้ผ้าขาวก็จริงตามที่บางคนออกมาพูดว่าตำรวจชั่วตำรวจเลวมีเส้นของมันอยู่ หากเรามองว่าองค์กรนี้มีตำรวจที่ไม่ดีคอยที่จะสร้างความเสียหายให้กับหน่วยงานตัวเอง อาละวาดเดือดร้อนกันไปทั่ว ประชาชนรับรู้รับทราบ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ ตำรวจจะขึ้นมาจัดการด้วยกันเอง ส่วนการที่พูดเพราะผมติเพื่อก่อมีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนและตำรวจทั้งหลายไม่ให้ไขว้เขวไม่ได้มีเจตนาไปให้ร้ายใคร

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ที่ผ่านมาพูดในส่วนรวมไม่ได้เอ่ยชื่อใคร พูดเพื่อองค์กร มีเจตนาดีเพื่อขวัญและกำลังใจของเจ้าหน้าที่ทั่วประเทศ ตนทำงานเพื่อส่วนรวมมาทั้งชีวิต ให้พูดถึงส่วนรวมจะต้องบอกว่าอยากให้ข้าราชการตำรวจทั่วประเทศอย่าไปหวั่นไหวกับเหตุการณ์อะไรที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องของปัจเจกคนเพียงคนเดียวมาทำให้องค์กรเสียหาย หากเราไปมุ่งหรือมองอยู่อย่างนี้จะทำให้เราไม่เป็นอันทำงานหรือสุขภาพจิตไม่ดี คนถ้าไม่ดีก็ขอให้กฎหมายบ้านเมืองว่าไป ส่วนเราคิดว่าเป็นตำรวจอาชีพที่ไม่ใช่อาชีพตำรวจก็ทำงานต่อไป อย่าไปคิดหรืออย่าไปท้อใจ เราสู้กับผู้ร้ายและคนกระทำผิดมาเยอะแล้ว ตำรวจที่คิดหรือทำไม่ดี วันนี้กฎหมายหรือบาปกรรม กำลังทำงาน ก็ปล่อยให้มันทำงานไป อย่าไปสนใจอะไรมากมุ่งหน้าทำงานให้พี่น้องประชาชน งานหรือผลงานต่าง ๆ จะเป็นสิ่งกอบกู้ชื่อเสียงของตำรวจให้ดีขึ้น ถึงไม่ดีขึ้นก็เข้าใจมากขึ้น เราต้องอยู่กับคำติฉินนินทา แต่พวกเราก็ต้องมีความอดทน ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนในหน้าที่การทำงาน

ผู้สื่อข่าวถามถึงความสัมพันธ์กับ “บิ๊กโจ๊ก” ว่าจากนี้จะมีการเผาผีกันหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติกล่าวว่า ถ้าตายก็จะเอาพวงหรีดไปให้ และใส่ซองให้ด้วย

พร้อมกับจะไปร่วมงาน ตนเป็นลูกผู้ชายตัวจริง พร้อมที่จะอโหสิกรรมให้ แต่หากป่วยก็ไม่รู้ว่าจะไปหรือไม่ เพราะว่าเขาก็มีทางญาติของดูแล แต่ถ้าจะสั่งเสียอะไรก็ขอให้บอก

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image