อุดมการณ์เหนือชีวิต 17 ปี ‘นวมทอง ไพรวัลย์’ วีรบุรุษสามัญชน

 

‘ชาติหน้าเกิดมา คงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก’
ถ้อยคำสั่งเสียสุดท้าย จากจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของ นวมทอง ไพรวัลย์ ตำนานผู้ขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถัง ต้านรัฐประหาร 2549

การแสดงออกทางการเมืองครั้งสำคัญ ‘นวมทอง’ คนธรรมดาผู้กระทำอัตวินิบาตกรรม แขวนคอปลิดชีพตน เพื่อลบคำปรามาส จาก พ.อ.อัคร ทิพโรจน์ รองโฆษก คปค. จากประโยคสั้นๆ ที่บาดลึกถึงหัวใจว่า ‘ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพ’

31 ตุลาคม 2566 ล่วงเวลามาจวบจนวาระครบรอบ 17 ปี คณะประชาชนทวงคืนความยุติธรรม จัดงานรำลึก ‘17 ปี ลุงนวมทอง ไพรวัลย์’ ณ สดมภ์อนุสรณ์ นวมทอง
ไพรวัลย์ ริมถนนวิภาวดี-รังสิต เขตจตุจักร กรุงเทพฯ จุดเกิดเหตุสลดที่ประวัติศาสตร์สามัญชนต้องจารึก

Advertisement

โดยมีการทำพิธีทางพุทธศาสนา วางพวงหรีด กล่าวรำลึก จากตัวแทนพรรคการเมือง และภาคประชาชนหลากรุ่น พร้อมฉายภาพความหนักแน่นของอุดมการณ์ที่จุดประกายการต่อสู้จากพลังคนธรรมดาลุกขึ้นมาต่อสู้ด้วยความคาดหวังที่จะเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างไม่ถดถอย

‘นวมทอง ไพรวัลย์ คือ นักต่อสู้ และสามัญชนที่ยิ่งใหญ่ วันนี้เป็นวันดีที่จะสดุดีคนที่ชื่อว่า ครู ของประเทศไทย ซึ่งในวิธีที่ท่านทำกับตัวเอง ดิฉันอาจไม่เห็นด้วย

ลุงนวมทอง มีอาชีพขับรถแท็กซี่ เชิดชูอุดมการณ์ประชาธิปไตย ท่านเป็นคนธรรมดาไม่ใช่ปัญญาชน และไม่ได้อยู่ในการจัดตั้งขององค์กรใดๆ ทั้งสิ้น แม้ทำอาชีพอิสระแต่มีความรู้หลักการทฤษฎีที่ยิ่งใหญ่ สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่อยากอยู่กับการปฏิวัติอีกต่อไป แปลว่าท่านไม่ต้องการให้คนรุ่นหลังต้องมีชีวิตอยู่แบบนี้ นี่คือสิ่งที่ท่านต้องการบอกคนรุ่นหลังไว้ว่า ฉันคนไทยไม่ควรทนอยู่กับการปฏิวัติรัฐประหาร

Advertisement

ประการต่อมา ลุงนวมทอง สอนให้คนรุ่นหลังต่อสู้แบบวิธีปฏิบัติ ไม่ต้องสู้แบบท่าน ต้องร่วมกันต่อสู้อย่างสามัคคี เยาวชนทั้งหลายฟังเอาไว้

นวมทองไม่ใช่วีรชนเอกชน ‘อันประชาสามัคคีมีจัดตั้ง เป็นพลังแกร่งกล้ามหาศาล แสนอาวุธ แสนศัตรู หมู่อันธพาล ไม่อาจต้านแรงมหาประชาชน’ หมายความว่าวิธีการต่อสู้กับพวกที่ปล้นอำนาจประชาชน ประชาชนต้องสามัคคี ถือเป็นคำสั่งเสียของท่าน

ลุงนวมทองในทัศนคติของดิฉัน ถือว่ายิ่งใหญ่ ไม่ต้องเรียนสูงเป็นศาสตราจารย์ แต่วิธีการและทัศนคติชัดเจน นี่เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

อยากฝากเยาวชนว่าจงเรียนรู้จากลุงนวมทองซึ่งเป็นครูในวิธีคิด วิธีการทำงาน แต่อย่าเอาอย่างตอนที่ท่านคิดว่าจำเป็นต้องสละชีวิตเยี่ยงนี้

ขอเคารพดวงวิญญาณลุงนวมทองด้วยใจจริง และอยากให้พวกเราทั้งหมด ณ ที่นี้ได้ถือว่าท่านคือ ครูของนักต่อสู้ประชาชนประชาธิปไตยที่แท้จริง’

ธิดา ถาวรเศรษฐ
อดีตแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.)

‘ลุงนวมทองเขียนในจดหมายลาตายว่า ชาติหน้าเกิดมา คงไม่ได้เจอการปฏิวัติ ซึ่งเป็นการแถลงเจตนารมณ์ที่ชัดเจน ว่าไม่ต้องการเห็นการรัฐประหาร พวกเราต้องช่วยกันยุติการรัฐประหารให้ได้ ต้องช่วยกันทำให้บรรลุวัตถุประสงค์ เพราะทุกวันนี้รัฐประหารยังอยู่ แม้มีการพูดว่ามีการเลือกตั้งแล้ว ผมขอเถียงใจขาดดิ้น เพราะรัฐธรรมนูญ 2560 เป็นรัฐธรรมนูญที่สืบทอดจากกลุ่มรัฐประหาร

อยากบอกกับประชาชนว่า อุดมการณ์ของลุงนวมทองยังไม่ปรากฏเป็นจริง ฉะนั้นพวกเราต้องดำเนินต่อไป จึงอยากเรียกร้องไปถึงรัฐบาล

การหยุดรัฐประหารมีทางเดียว คือ การเอาคนยึดอำนาจมาลงโทษให้ได้ ถ้าคุณไม่สามารถเอาพวกนี้มาลงโทษได้ ต่อไปก็จะรัฐประหารซ้ำซาก นี่คือสิ่งที่เราตั้งใจจะสื่อสาร และสืบทอดเจตนารมณ์ก่อนตายของลุงนวมทอง’

นายแพทย์เหวง โตจิราการ
คณะกรรมการประชาชนทวงคืนความยุติธรรม 2553

‘ขอพูดถึงลุงนวมทองในฐานะนักการเมืองที่เป็นตัวแทนประชาชน เราพยายามที่สุดที่จะผลักดันกฎหมายรัฐธรรมนูญที่จะไม่ให้เกิดการรัฐประหารอีก เริ่มจากการเรียกร้องพรรคอื่นให้สนับสนุนร่างที่พรรคก้าวไกลนำเข้าสภาผู้แทนราษฎร ประเด็นสำคัญคือ การค้นหาความรุนแรงที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ และการร่างรัฐธรรมนูญอย่างมีส่วนร่วมของประชาชน

แม้เราจะเขียนรัฐธรรมนูญมาดี แต่สุดท้ายโดนฉีก โดนทำลาย อาจเพราะที่ผ่านมา ประชาชนยังไม่ได้ตื่นรู้พร้อมเพรียงกัน จึงมีคนแบบลุงนวมทองออกมาเป็นปากเสียงและเป็นวีรชน

เชื่อว่า หากมีการรัฐประหารอีก ประชาชนจะช่วยกันออกมาปกป้องประชาธิปไตย หวังว่าไม่ว่าพรรคการเมืองใดก็จะสนับสนุนรัฐธรรมนูญนี้ที่นำคนที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารมาลงโทษ ไม่ให้ลอยนวล พ้นผิด ไม่เกรงกลัวกฎหมาย ไม่เปิดช่องว่างให้เกิดการรัฐประหารอีกต่อไป’

ปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้
ส.ส.กทม.เขตพระโขนง-บางนา พรรคก้าวไกล

‘คุณนวมทองใช้วิธีการต่อสู้โดยการเอาชีวิตของตัวเองเข้าแลก แม้ว่าร่างกายของท่านจะต้องเสียสละชีวิตไว้ ณ ที่ตรงนี้ แต่จิตวิญญาณก็ยังอยู่ในใจของผู้คน และคิดว่าคงจะมีการจารึกเป็นประวัติศาสตร์ของคนขับรถแท็กซี่ธรรมดาที่มีจิตใจสูงส่ง

ดังผู้แทนของพรรคก้าวไกลที่ได้พูดว่า เราจะทำอย่างไรให้มีรัฐธรรมนูญที่ป้องกันไม่ให้มีการรัฐประหาร นำเอาตัวบุคคลที่ทำรัฐประหารเข้ามาลงโทษให้ได้

ดิฉันก็คิดว่าคงจะเป็นอุดมการณ์อันสูงส่งที่ลุงนวมทองอยากเห็นและพวกเราหลายคนก็อยากจะให้ได้ถูกจารึกและเกิดการสืบสานปณิธานนี้ต่อไป’

ประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ
ผู้ก่อตั้งมูลนิธิดวงประทีป และเจ้าของรางวัลแมกไซไซ พ.ศ.2521

‘นวมทอง ไพรวัลย์ ที่แม้ว่าหลายคนคงสงสัย เขาคือใคร เขานั้นคือ คนที่มีอุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง เป็นบุคคลธรรมดาที่มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

เมื่อลุงนวมทองเห็นความไม่เป็นธรรมของสังคมนี้ เขาทนไม่ได้ จึงต้องออกมาทำเหตุการณ์ดังกล่าว แท้จริงแล้วคนที่ทำเพื่ออุดมการณ์ เพื่อความถูกต้องมันมีอยู่จริง และสามารถแปรเปลี่ยนไปเป็นการต่อสู้ได้

ลุงนวมทองเหมือนครูคนหนึ่งที่แสดงถึงความเข้มแข็งและแข็งแกร่ง เขาได้พิสูจน์ให้ได้เห็นว่า หากเราปล่อยให้เป็นไปแบบนี้ ถ้าเราไม่สู้เราจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร

สิ่งที่ลุงนวมทองตัดสินใจในวันนั้น ถือว่าเป็นต้นทุนต่ออุดมการณ์ ที่ทำให้คนรุ่นใหม่ออกมาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ขอฝากถึงภาครัฐ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้สานต่ออุดมการณ์ของลุงนวมทอง เราจะต่อสู้เพื่อต่อต้านการรัฐประหารต่อไป อุดมการณ์ลุงนวมทองนั้น ได้ส่งต่อมาถึงปัจจุบัน และทำให้เยาวชนไม่ย่อท้อในวันนี้’

ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือมายด์
นักกิจกรรมทางการเมือง

‘อุดมการณ์เป็นเหมือนตัวชี้วัดหนึ่งที่บ่งบอกว่าเราจะไม่มีวันแพ้แน่นอน เราไม่ได้มีเงินเยอะ เราไม่ได้มีอำนาจ เราไม่ได้มีอาวุธ แต่ตราบใดที่ยังมีอุดมการณ์อยู่ แม้ไม่รู้ว่าเราจะชนะไหม แต่อย่างไรเราก็ไม่แพ้ เพราะเชื่อว่าไม่ได้มีคนอย่างลุงนวมทองแค่คนเดียว

ณ วันนี้ยังมีคนที่มีอุดมการณ์จริง พร้อมสู้จริง ไม่ได้หวังผลประโยชน์ใดทั้งสิ้นยังอยู่ตรงนี้ และคิดเสมอว่ายังไงเราก็ไม่แพ้ เราเชื่อในพลังของคนตัวเล็กเสมอ

คุณไม่จำเป็นต้องมีเงินจำนวนมาก คุณไม่จำเป็นต้องมียศตำแหน่งอะไรขนาดนั้น เพราะฉะนั้นขอยืนยันในตรงนี้อีกครั้งหนึ่งว่า จงเชื่อในพลังของตัวเอง จงเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงต้องเกิดขึ้น’

ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือตะวัน
นักกิจกรรมทางการเมือง

‘แม้เหตุการณ์ผ่านมานานกว่า 17 ปีแล้ว แต่ลุงนวมทองไม่ได้หายไปไหน ปักหลักความคิดลงในประชาธิปไตย ทำให้เกิดนักต่อสู้อีกหลายคน หลายรุ่น

มาถึงวันนี้ก็ยังเป็นการต่อสู้ระหว่างฝ่ายประชาชนกับเผด็จการ วันนี้การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป และมีคนร่วมต่อสู้กันมากขึ้น มีคนบอกว่าเมื่อเทียบกับ 17 ปีที่แล้ว สังคมเป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ตอนนี้มีคนรุ่นใหม่สนใจเรื่องสังคม มีคนออกมาต่อสู้มากขึ้น

อยากชวนทุกคนให้รู้จักลุงนวมทองที่แม้จะจากไปแล้ว แต่อุดมการณ์และความคิดยังถูกส่งต่อให้พวกเรา และเป็นภารกิจให้พวกเราสานต่อ จนกว่าประเทศนี้จะมีประชาธิปไตย และอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน’

จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่
นักกิจกรรมกลุ่มทะลุฟ้า

‘คุณนวมทองแขวนคอตายด้วยเชือกสีแดง แล้วใครจะเชื่อว่าเชือกลากรถสีแดง จะกลายเป็นสายกระแสธาร ปลุกให้เกิดพลังของคนเสื้อแดง คนเสื้อแดงตายไป 100 ศพ จนปัจจุบันก็ยังไม่ได้รับความยุติธรรม ผมจึงผิดหวังอย่างแรงกับการที่วันนี้ ไม่มีตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยมาปรากฏตัวทั้งยังไม่พูดถึงคุณนวมทองในวันนี้

สิ่งที่น่าเจ็บใจไปกว่านั้น คือ ความเป็นเผด็จการยังคงอยู่ ทั้งในรัฐธรรมนูญ 60 สืบทอดอำนาจเผด็จการ และกฎหมายที่ทำให้หลายคนต้องลี้ภัยทางการเมือง

อยากให้รำลึกถึง 17 ปีที่แล้ว ลุงนวมทองที่สิ้นชีวิตไป รวมถึงอีกหลายคนที่ต่อสู้บนเวทีของคนเสื้อแดง เช่น ไม้หนึ่ง ก.กุนที ผมผิดหวังที่คนเหล่านี้ไม่กลายเป็นวีรชนกับเขาด้วย หลายคนยังลี้ภัยอยู่ในลาว กัมพูชา อเมริกา ญี่ปุ่น คนเหล่านี้ คือ ขบวนการต่อสู้หลังจากลุงนวมทองจากไป

เส้นทางของเราจึงปูไปด้วยความเจ็บปวด ความทุกข์ยาก การพลัดพราก ตรงนี้จะไม่มีความหมายเลย ถ้าเรามาแค่รำลึก เอาดอกไม้มาวาง แต่เราต้องรุดหน้าไป ทำบ้านเมืองให้เป็นประชาธิปไตย’

สมยศ พฤกษาเกษมสุข
แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย

‘ขอสดุดีคุณนวมทองที่แสดงให้เห็นว่ามีคนรักประชาธิปไตย พร้อมที่จะสละชีวิตเพื่อประชาธิปไตย วันนี้พวกเราทุกคน รุ่นพ่อ รุ่นพี่ ลูกหลาน ต้องร่วมกันสู้หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว

หลายคนถามว่า สู้แล้วได้อะไร คำตอบ คือ การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง มันอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงทางความคิด เพราะฉะนั้นผู้ใหญ่ที่ทำงานการเมือง ต้องทำงานทางความคิดให้ความรู้ถึงการได้มาซึ่งประชาธิปไตย

แม้วันนี้ฝ่ายประชาธิปไตยถูกแบ่งแยก ถูกทำลาย ด้วยรัฐธรรมนูญและการยึดอำนาจ พรรคฝ่ายประชาธิปไตยต้องแบ่งฝักฝ่ายกัน นี่คือปัญหาที่เกิดขึ้น นี่เป็นผลพวงของการยึดอำนาจ ฉะนั้นเราต้องจับมือกันทุกกลุ่ม เพื่อเดินหน้าไปทีละก้าว ชัยชนะต้องเป็นของประชาชน’

วรชัย เหมะ
อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย

ภูษิต ภูมีคำ
ชญานินทร์ ภูษาทอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image