ผู้เขียน | สถานีคิดเลขที่ 12 |
---|
นอกจากการเลือก ส.ว. ที่ชวนพิศวงงงงวยแล้ว การเมืองไทยเดือนมิถุนายนยังมีอีก “สามหมุดหมายสำคัญ” ที่น่าจับตา คือ
หนึ่ง คดียุบพรรคก้าวไกล ที่อยู่ในมือศาลรัฐธรรมนูญ
สอง คดี ม.112 ของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่กำลังจะไปอยู่ในการพิจารณาของศาลยุติธรรม
สาม การวินิจฉัยคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรีของ เศรษฐา ทวีสิน ที่อยู่ในขอบเขตอำนาจศาลรัฐธรรมนูญเช่นกัน
สถานการณ์ “ค้างคา” เดินหน้าก็ไม่ใช่ ถอยหลังก็ไม่เชิง ในลักษณะนี้ ส่งผลต่อเรื่องความมั่นใจและเสถียรภาพทางสังคม-เศรษฐกิจอยู่ไม่น้อย
หากประเมินฉากทัศน์แบบมองโลกในแง่ร้ายสูงสุด คือ ขั้วการเมืองใหญ่ทั้งสองขั้วไม่สามารถ “ฝ่าด่านสำคัญ” ทั้งสามด่านข้างต้นพร้อมหน้ากัน
ประเทศก็จะยิ่งติดล็อก หมดหวัง สูญสิ้นศรัทธา
แต่ถ้าประเมินตามความเป็นจริง ทั้งสามกรณีต่างมีจุดยาก-ง่าย และความท้าทายที่ผิดแผกกันไป
เคสก้าวไกล คนส่วนใหญ่มองว่าคงจะ “รอดยาก” ด้วยเหตุผลทางการเมืองล้วนๆ
แม้ในเชิงหลักการ พึงตั้งคำถามว่าผู้มีอำนาจทุกฝ่ายจะยอมปล่อยให้มีการยุบพรรคการเมือง (ที่ชนะการเลือกตั้ง) โดยง่ายดายเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จริงๆ หรือ?
และเมื่อยุบก้าวไกลแล้วจะแก้ปัญหาหรือตอบโจทย์อะไรได้? เพราะถึงที่สุด ใครๆ ต่างก็ประเมินออกว่า ความได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง ส.ส. ยังจะอยู่กับพรรคการเมืองใหม่ที่สืบทอดอุดมการณ์จาก “อนาคตใหม่-ก้าวไกล”
สำหรับเคส ม.112 ของทักษิณ โดยหลักการแล้ว อดีตนายกฯ และผู้ต้องหาคดีนี้ทุกคน ไม่ควรจะถูกคุมขังในสภาวะไร้อิสรภาพ ดังที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีหลัง
จุดท้าทายมีอยู่ว่า ถ้าอดีตนายกฯ เดินหน้าเข้าสู่คดีดังกล่าวโดยไม่ต้องอยู่ในเรือนจำเลย ก็ย่อมถูกนำไปเปรียบเทียบกับนักกิจกรรมทางการเมืองคนอื่นๆ (ส่วนใหญ่เป็นเยาวชน) ที่ต้องนอนคุกยาวๆ ทั้งที่ยังไม่ได้ถูกพิพากษาลงโทษในคดี 112
หรือว่ากรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีจะช่วยยกระดับ-พลิกสถานการณ์ให้ผู้ต้องหาคดี ม.112 ทั้งหลาย กลับมาได้สิทธิประกันตัวอย่างปกติอีกครั้ง?
และหวังว่า กมธ.ศึกษากฎหมายนิรโทษกรรมในสภาผู้แทนราษฎร จะกล้าหยิบยกกรณี “คดีการเมือง 112” ขึ้นมาพิจารณาอย่างจริงจัง มากกว่าจะเงียบเสียงต่อเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น
สำหรับเคสสุดท้าย คือ การพิจารณาคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรีของนายกฯเศรษฐานั้น แม้ไม่สามารถกล่าวได้อย่างสนิทปากว่า “ไม่น่าหนักใจ” ทว่า ก็ยังดูมีโอกาส “รอดมากที่สุด”
ด้วยคำถามทางการเมืองอันเรียบง่ายว่า เราจะต้องรีบเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีกันอีกแล้วหรือ? และจะหาใครมาเป็นนายกฯ คนใหม่ ในสภาวะที่แผงชนชั้นนำทั้งระบอบแทบไม่มี “ตัวเลือกดีๆ” หลงเหลืออยู่
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของทั้งสามกรณี (ไม่ว่าจะออกหน้าไหนในแต่ละเคส) ย่อมยึดโยงกระทบกระเทือนถึงกันเป็นลูกโซ่ และสั่นคลอนสังคมการเมืองไทยในภาพรวมโดยมิอาจหลีกเลี่ยง
ที่แน่นอนอีกประเด็น ก็คือ แทบไม่มีใครมองโลกในแง่ดีสุดๆ เลยว่า บรรดา “เหยื่อ” บนหมากกระดานนี้ จะ “ฝ่าด่านอันตราย” ออกมาได้ทั้งสามราย
ปราปต์ บุนปาน