สุเทพ-14 กปปส. ได้ประกันทันที หลังเจอคุก 1 ปีชั้นอุทธรณ์ สั่งยึดพาสปอร์ต

ศาลให้ประกัน ‘สุเทพ’กับพวก รวม 14 ราย ระหว่างฎีกาห้ามออกนอกประเทศยึดพาสปอร์ต

จากกรณีที่ ศาลอุทธรณ์ อ่านคำพิพากษาคดีกบฏ กปปส.ชุดใหญ่ สำนวนหลัก หมายเลขดำ อ.247/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. กับพวกแกนนำ และแนวร่วม กปปส. โดยศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในข้อหากบฏ และก่อการร้าย พร้อมพิพากษาลดโทษจำคุก นายสุเทพกับพวก ที่เดิมโดนตั้งแต่ 4-9 ปีกว่า เหลือคนละ 1 ปี-1 ปีเศษ โดยไม่รอลงอาญานั้น

ภายหลังฟังคำพิพาษาอุทธรณ์คดีกบฏ กปปส.ชุดใหญ่หมายเลขดำ อ.247/2561 แล้ว

จำเลยที่ 1, 3-5, 7-8, 15-16, 24, 26, 29, 33-34, และ 37 ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาขอปล่อยชั่วคราวชั้นฎีกา โดยศาลอาญา พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยให้ยึดหนังสือเดินทางไว้ และแจ้ง สตม.โดยเร็ว

Advertisement

ส่วนจำเลยที่ 37 ศาลอาญา พิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยได้รับอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างพิจารณาไม่มีพฤติการณ์หลบหนี จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวในระหว่างฎีกา โดยห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักรเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาล โดยให้ยึดหนังสือเดินทางไว้ และแจ้ง สตม.โดยเร็ว เช่นกัน

ล่าสุด (27 มิ.ย.) เวลา 16.20 น. นายสวัสดิ์ เจริญผล ทนายความ เปิดเผยว่า ศาลอาญามีคำสั่งอนุญาตปล่อยชั่วคราวจำเลย ทั้ง 14 ระหว่างฎีกา โดยใช้หลักทรัพย์เดิมในศาลชั้นต้นประมาณรายละ 6-8 เเสนบาท โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกประเทศเว้นได้รับอนุญาตจากศาล โดยให้นำพาสปอร์ตมาวางศาลไว้

ต่อมา นายสุเทพ เทือกสุบรรณ กล่าวถึงกรณีที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ลดโทษจำคุกแต่ไม่รอลงอาญา ว่า ทุกอย่างเป็นกระบวนการยุติธรรมที่เป็นไปตามดุลพินิจของศาล พวกตนที่เป็นจำเลยมีความตั้งใจมาตั้งแต่ตอนต่อสู้คดีในศาลชั้นต้นแล้ว ไม่ว่าศาลจะมีคำพิพากษาใดๆ เราก็น้อมรับคำพิพากษาของศาล ซึ่งวันนี้ศาลอุทธรณ์ก็ได้ยกฟ้องจำเลยเพิ่มขึ้น จากเดิม 12 คนก็เป็น 19 คน เพราะส่งผลให้ครอบครัวของจำเลยมีความสุขไม่ต้องกังวล ส่วนพวกเราที่ศาลจำคุกไม่รอลงอาญาก็จะสู้คดีต่อในชั้นศาลฎีกา ไม่มีความเห็นที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษาการใช้ดุลพินิจของศาลอุทธรณ์

Advertisement

เมื่อถามว่าคดีผ่านมาสองศาลแล้วไม่รอลงอาญา หนักใจหรือไม่นั้น นายสุเทพตอบว่า เจตนาที่เราออกมาตั้งแต่ต้น เป็นเจตนาดีที่เราทำเพื่อประเทศชาติ เมื่อเรามั่นใจว่าทำความดี เราก็จะต้องรับผลที่ดี ใจเราก็ดีมาตั้งแต่ต้นไม่มีความกังวลอะไร ส่วนในชั้นฎีกาจะขอให้ศาลรอการลงโทษหรือไม่ก็ต้องไปปรึกษาทนายเพื่อต่อสู้คดีในชั้นฎีกาอีกครั้งหนึ่ง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image