‘กัณวีร์’ จี้รัฐ ช่วยชีวิต 17 ชาวโมร็อกโก เหยื่อค้ามนุษย์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ตรงข้าม อ.พบพระ ขอรัฐอย่าวางเฉย

‘กัณวีร์’ จี้รัฐบาลเร่งช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ 17 ชาวโมร็อกโก ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ฝั่งบ้านช่องแคบเมียนมา ตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก ขอรัฐอย่าวางเฉยความเป็นความตาย ช่วยประสานนำตัว

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก กรณีที่ได้รับการประสานจากภาคประชาชน ผู้ทำงานช่วยเหลือการค้ามนุษย์ว่ามีชาวโมร็อกโก จำนวน 17 คน และทราบจากแหล่งข่าวอื่นว่า มีชาวศรีลังกา จำนวน 41 คน ถูกหลอกลวงไปทำงานและตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ในประเทศเมียนมา สถานที่ดังกล่าวคนในพื้นที่เรียกว่าช่องแคบฝั่งเมียนมา ตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก

นายกัณวีร์ระบุว่า นี่เป็นอีกครั้งที่ธุรกิจจีนสีเทา/ดำ ได้ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคน ทำคนเหมือนไม่ใช่คน บริษัทจัดหางานนายหน้าจากโมร็อกโก และรวมถึงศรีลังกา เป็นตัวตั้งตัวตีในการจัดหาและนำพา พวกเขามายังพื้นที่ชายแดนเมียนมา ตรงข้าม อ.พบพระ จ.ตาก ของไทย สุดท้ายกลายเป็นการค้ามนุษย์ ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ต่างๆ เหล่านี้อยู่บริเวณชายแดนติดกับไทยและอยู่ในความดูแลของกองกำลังชาติพันธ์ุต่างๆ พวกจีนสีเทา/ดำ รู้ดีว่าสถานที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ที่อาจถูกเรียกว่าเป็น No Man Land เพราะยังเป็นพื้นที่สู้รบในเมียนมา จึงใช้จังหวะให้เป็นโอกาสการทำธุรกิจหลอกลวงทั้งคนไปทำงาน และคนบริสุทธิ์นับล้านคนผ่านกาสิโนออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ และทุกอย่างที่ผิดกฎหมาย

Advertisement

“จนสุดท้ายมีทั้งเหยื่อที่ถูกค้ามนุษย์ถูกหลอกไปทำงานและทำร้ายร่างกาย บีบคั้นให้ทำงานหากไม่ทำก็ประทุษร้าย และคนนับล้านอย่างเราๆ ท่านๆ ก็ถูกคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงเงินรวมกันหลายร้อยล้านบาท”

นายกัณวีร์ระบุว่า ก่อนจะไปถึงเรื่องจะจัดการอย่างไร เอาเฉพาะหน้าเคสโมร็อกโก 17 ราย และศรีลังกา 41 รายนี้ก่อน สิ่งที่รัฐบาลต้องทำ คือ

1.เอาตัวเหยื่อทั้งหมด ออกจากสถานที่ที่ถูกกักขัง ง่ายที่สุดคือการข้ามแดนมาไทย โดยการขอความร่วมมือจากกองกำลังชาติพันธ์ุที่ดูแลพื้นที่ มอบให้ทหารไทยช่วยประสานงาน

Advertisement

2.กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์รับหน้าที่ต่อ ผ่านกระบวนการ National Referal Mechanism (NRM) ทำการคัดแยกเหยื่อการค้ามนุษย์ ตามกระบวนการที่มีอยู่

3.สถานทูตโมร็อกโกและศรีลังการับตัวเหยื่อกลับประเทศ

4.นายหน้าและผู้กระทำความผิดถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

“หลายคนอาจตั้งข้อสงสัย เกี่ยวกับไทยอย่างไร ไทยปิดหูปิดตาก็ได้นะครับ เพราะอยู่นอกเขตดินแดนไทย ถึงแม้จะมีการร้องขออย่างเป็นทางการ (ซึ่งจริงๆ แล้วได้มีการร้องขอผ่าน กต. ไปเป็นแรมเดือนแต่กลับนิ่งอยู่) ไทยก็สามารถบอกว่า มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เพราะรัฐบาลไทยไม่สามารถประสานกับกองกำลังที่ไม่ใช่ฝั่งรัฐบาลของประเทศอื่นได้ เราต้องทำเป็นแค่ G to G เท่านั้น ซึ่งก็ทำเสมอมา” นายกัณวีร์กล่าว

นายกัณวีร์กล่าวว่า “นี่ชีวิตคนครับ” และอีกอย่างรัฐบาล สามารถสร้างความเป็นผู้นำในเวทีโลกนี้ได้ การนำหนึ่งในการบริหารจัดการเรื่องการค้ามนุษย์เป็นสิ่งที่โลกให้ความสนใจอย่างยิ่ง ต้องรีบคว้าโอกาสนี้ไว้

“หรือหากท่านไม่กล้าประสานและติดต่อกองกำลังชาติพันธ์ุ เพราะเกรงว่าศักดิ์ศรีของรัฐบาลไทยจะถูกด้อยค่าไปเพราะ เราไม่สามารถคุยกับพวกไม่ใช่รัฐได้ คนละระดับ บอกผมครับ ผมไม่ถือตัวและยอมที่จะคุยกับทุกคนเพื่อคืนศักดิ์ความเป็นมนุษย์ให้มนุษย์โดยเร็ว รีบทำเถอะครับ ทุกวินาทีสำคัญมากเพราะชีวิตและลมหายใจพวกเขารอคนเข้าไปช่วยอยู่” นายกัณวีร์กล่าว

นายกัณวีร์เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งรีบทำเรื่องนี้ เพื่อช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ และมาสะสางพวกแก๊งคอลเซ็นเตอร์กันอย่างจริงจัง รวมถึงเรียกร้องไปยังบริษัทให้บริการอินเตอร์เน็ต ที่ยังดื้อดึงหันกล่องสัญญาณเน็ต ไปในประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งๆ ที่รัฐแจ้งห้ามแล้วและให้หันกลับมาในไทยเท่านั้น

“อย่าหวังเงินจากซิมการ์ดหลายร้อยล้านบาท แต่ต้องโดนจัดการด้วยว่าบริษัทเหล่านี้ ให้การช่วยเหลือขบวนการค้ามนุษย์และหลอกลวงด้วย มันจะได้เข็ดหลาบ แล้วเรามาจัดการกันครับ” นายกัณวีร์กล่าว

สำหรับกรณีชาวโมร็อกโก 17 รายที่ตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ทางมูลนิธิเพื่ออิสรภาพ (The Exodus Road) ประเทศไทย ได้ทำหนังสือถึงนายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เพื่อประสานความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังจากได้รับการติดต่อจากผู้เสียหายและครอบครัวชาวโมร็อกโก ทั้ง 17 คน ว่าถูกขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติจีนร่วมกับชาวโมร็อกโก หลอกลวงมาทำงาน โดยเมื่อเดินทางมาถึงพบว่าตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ถูกบังคับ กักขัง ทำร้ายร่างกาย และเรียกค่าเสียหาย 6,000-7,000 เหรียญสหรัฐต่อคน หรือประมาณ 250,000 บาท และข่มขู่ว่าหากไม่สามารถนำเงินมาจ่ายได้ จะถูกส่งไปขายยังพิกัดอื่นๆ ซึ่งเหยื่อ 5 คนได้พยายามติดต่อขอความช่วยเหลือครอบครัวให้ส่งเงินค่าไถ่แต่ยังไม่ได้รับการปล่อยตัว ซึ่งเหยื่อทั้งหมดถูกขังอยู่ในพื้นที่บ้าน Hpa Lu ประเทศเมียนมา ตรงข้าม ต.ช่องแคบ อ.พบพระ จ.ตาก และขอความช่วยเหลือมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2567 ที่ผ่านมา

ทางมูลนิธิอิสรภาพยังได้ประสานไปยังสถานเอกอัครราชทูตโมร็อกโก ประจำประเทศไทย ทำหนังสือไปยังสถานเอกอัครราชทูตเมียนมา ประจำประเทศไทย กระทรวงการต่างประเทศของไทย เมื่อวันที่ 17 พ.ค.67 แต่เมื่อประสานติดตามกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง อ.แม่สอด และที่ว่าการอำเภอพบพระ จ.ตาก เพื่อสอบถามความคืบหน้า กลับพบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังไม่ได้รับการประสานงานส่งต่อข้อมูลการขอความช่วยเหลือนี้ และเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมา กองกำลัง DKBA ที่มีอำนาจปกครองเหนือพื้นที่ดังกล่าวได้เข้าไปตรวจสอบรายชื่อเหยื่อชาวโมร็อกโกทั้งหมดแล้ว จึงมีการทำหนังสือไปหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด่วน โดยล่าสุดได้ทำหนังสือถึงนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image