09.00 INDEX ยุทธศาสตร์ เป็นพรรคอันดับ 2 เป็น ‘ตัวเลือก’ เหนือ ‘ก้าวไกล’
ยิ่งวัน การกำหนดบทบาทพรรคของตนเองให้ดำรงอยู่ในสถานะแห่งพรรคอันดับ 2 จะยิ่งพัฒนาและได้รับการยกระดับให้อยู่ในเป้าหมายทางการเมืองเฉพาะหน้าของหลายพรรคการเมือง
แม้จะมองจากมุมของพรรคเพื่อไทยเป็นการลดระดับ ขณะที่ หากมองจากมุมของพรรคภูมิใจไทยเป็นความก้าวหน้า
แม้ว่าพรรคภูมิใจไทยจะถูกมองว่า สามารถรุกเข้าไปยึดครอง ภายใน 200 สมาชิกวุฒิสภา ”ใหม่” แม้ว่าพรรคเพื่อไทยจะเพิ่งกำชัยจากสนามเลือกตั้งนายกอบจ.ปทุมธานี
กระนั้น สัญญาณอันมาจากการหยั่งอุณหภูมิทางการเมือง ไม่ว่าจะมาจากสถาบันพระปกเกล้า ไม่ว่าจะมาจากสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ไม่ว่าจะมาจากมหาวิทยาลัยศรีปทุม
แนวโน้มอันเด่นชัดตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งเดือนพฤษภาคม 2566 ให้น้ำหนักกับคะแนนและความนิยมต่อพรรคก้าวไกลสูงเด่นและยังไม่แสดงให้เห็นว่าจะลดทอนลงเลย
มองผ่านสถานะแห่งการสำรวจก็เสมอเป็นเพียงการหยั่งกระแส จับอาการและการเคลื่อนไหวในทางสังคม การเมือง แต่วิธีวิทยาแห่งกระบวนการวิจัยก็ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะปฎิเสธได้
โดยเฉพาะผลในทางรูปธรรมจากเมื่อเดือนพฤษภาคม 2566
ไม่ว่าจะมองจากรากฐานและความเป็นมาของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมองจากรากฐาน และความเป็นมาของพรรคภูมิใจไทย หากมียุทธศาสตร์เป็นอันดับ 2 ถือว่าเป็นการยอมจำนน
กระนั้น ความจัดเจนจากสภาพความเป็นจริงของการเมืองในยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ก็เป็นเหมือนดั่งเข็มทิศชี้ทาง
นั่นเพราะอำนาจอันยิ่งใหญ่และเป็นจริงของ ”รัฐราชการ” ดำรงอยู่อย่างเป็นหลักประกันว่าถึงอย่างไรอำนาจทางการเมืองก็อยู่ ในมือของบุคคลที่เลือกเอาไว้แล้วโดยกองทัพโดยพรรคราชการ
จำเป็นที่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคกิจสังคม พรรคชาติไทย จำเป็นต้องหวานอมขมกลืน แม้ว่าจะได้รับเลือกมาเป็นอันดับ 1 ก็ไม่สามารถเสนอชื่อหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีได้
ปัจจุบัน พรรคการเมืองก็ตกอยู่ในสภาพแทบไม่แตกต่างจากยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เพียงแต่ ”อำนาจนำ” เริ่มถูกท้าทาย ขณะที่ ”กระแส” ทางสังคมมอบความเชื่อมั่นอยู่ที่ ”ก้าวไกล”
ความผิดปรกติทางการเมืองเห็นได้ชัดเจนว่าสถานะพรรคก้าวไกล ได้เข้ามาอยู่ในสถานะเดียวกันกับพรรคไทยรักไทย
นั่นคือ แม้จะถูกยุบพรรคแต่ก็ยังได้รับความเชื่อมั่นอย่างสูง
เพียงแต่สถานการณ์หลังเดือนสิงหาคม 2566 พรรคเพื่อไทยตัดสินใจทิ้งจุดแข็งในแบบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน สถานะนี้จึงตกอยู่ในมือของพรรคก้าวไกลเด่นชัดมากยิ่งขึ้น
พรรคการเมืองจึงต้องกำหนด ”ยุทธศาสตร์” ชิงอันดับ 2 เพื่อ เสนอตัวเป็น ”ตัวเลือก” เหมือนกับในยุครัฐธรรมนูญ พ.ศ.2521
คือการยอมรับต่อ ”ทิศทาง” การเมืองในแบบของการ ”อยู่เป็น”