พริษฐ์ แนะ กกต.ควรเร่งรับรองส.ว.เพื่อให้กลไกการเมืองเดินหน้า

พริษฐ์ แนะ กกต.ควรเร่งรับรอง ส.ว.เพื่อให้กลไกการเมืองเดินหน้า เชื่อต้องเป็น ส.ส.ร.เท่านั้นที่มาจากการเลือกตั้ง

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 2 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล และโฆษกพรรค กล่าวถึงการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ใหม่ 200 คนว่า ทุกอย่างมาจากผลลัพธ์ของกติกาที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ วันนี้เราผ่านการคัดเลือก ส.ว.มาแล้ว ตอนนี้คงทำอย่างไรให้กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เร่งตรวจสอบขอร้องเรียนให้เสร็จโดยเร็วเพื่อที่จะได้รับรอง 200 คน

ซึ่งตนเคยมีข้อกังวลถึง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.นั้นไม่ได้เขียนกำหนดว่าต้องประกาศผลการเลือกวันไหน แต่ตนเห็นว่าเพื่อประโยชน์ของกลไกทางการเมืองจะเดินหน้าไปได้นั้นอยากให้ กกต.เร่งประกาศผลการเลือก ส.ว. เพื่อให้เราจะได้มี ส.ว.ชุดใหม่เข้ามาทำหน้าที่ เพราะด้วยในรัฐธรรมนูญปี 2560 การทำหน้าที่ของ ส.ว.มีความสำคัญอย่างมาก

ประการแรกในการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ต้องทำในที่ประชุมร่วมของรัฐสภาคือ ส.ส.และ ส.ว.

Advertisement

ประการที่สองเป็นเรื่องบทบาทการรับรองผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ

ประการที่สามอย่างที่ทราบว่า พรรคเราเองมีกฎหมายหลายฉบับที่จะยื่นสภาชุดนี้

ช่วงที่เราอยู่ภายใต้ ส.ว.ชุดเดิมถูกกำหนดไว้ว่าถ้ากฎหมายอะไรที่ถูกตีความว่าเป็นกฎหมายปฏิรูปจะต้องมีการพิจารณาร่วมกันกับ ส.ว.ดังนั้นการประกาศรับรองผลการเลือกควรจะเร็วที่สุด และอยากให้ กกต.เองออกมายืนยันว่าจะใช้เวลากี่วันในการรับรองผลเลือก

Advertisement

เมื่อถามว่าจากข้อร้องเรียนในการเลือก ส.ว.เรามีความกังวลเรื่องสุญญากาศทางการเมืองที่จะทำให้ ส.ว.ชุดปัจจุบันยังทำหน้าที่ต่ออยู่หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า สุญญากาศคงเกิดขึ้นน้อยลง ถ้า กกต.เร่งประกาศรับรองผลเลือก ส.ว.ชุดใหม่ ที่พูดแบบนี้ไม่ใช่ว่าตนเองเห็นด้วยกับกติกาทั้งหมดของการเลือก ส.ว.เพราะตนเคยย้ำว่าด้วยโครงสร้างอำนาจที่มาของ ส.ว.ที่ถูกออกแบบมานั้นก็ไม่ใช่อะไรที่พรรคก้าวไกลเห็นชอบด้วย

ในส่วนที่ว่า ส.ว.มีอำนาจสูงแต่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน แต่ด้วยกติกามาแบบนี้และได้มีการเลือก ส.ว.ไปแล้ว ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของ กกต.ที่จะพยายามทำให้การเปลี่ยนผ่านจาก ส.ว.ชุดเก่าและใหม่เกิดขึ้นโดยเร็ว

เมื่อถามว่ากังวลถึงการที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ส.ว.ใหม่มาจากนักการเมืองบ้านใหญ่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่าที่มีการตั้งข้อสังเกตแบบนี้มาจากผลลัพธ์ของการออกแบบกติกา แต่อยากให้เรามองไปข้างหน้าดีกว่าว่า ส.ว.ชุดใหม่จะมีบทบาทสำคัญมากโดยเฉพาะการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

เมื่อถามว่า ส.ว.ชุดไหนจะมีโอกาสเห็นชอบกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า ระหว่าง ส.ว.ชุดเดิมที่รักษาการต่อ กับ ส.ว.ชุดใหม่ นายพริษฐ์มองว่า สำหรับ ส.ว.ชุดเดิม ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ก็ได้ เพราะดูจากสถิติการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา ประมาณเกือบ 30 ร่าง ก็ผ่านไปได้แค่ร่างเดียว คือ เรื่องระบบเลือกตั้ง เราจึงได้เห็นผลงานเป็นที่ประจักษ์ ของ ส.ว.ชุดเก่า ในการปกป้องรัฐธรรมนูญ ฉบับปี 2560 ที่ไม่แก้ไขมาตราใดๆ

ส่วน ส.ว.ชุดใหม่ก็คงได้พิสูจน์กันหลังเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ เพราะปัจจัยหลักในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ คือการกำหนดองค์ประกอบของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ซึ่งพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าต้องมาจากการเลือกตั้ง 100% รวมถึงอาจมีการเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นรายมาตรา คู่ขนานไปกับการแก้ไขทั้งฉบับ ก็จะเป็นบทพิสูจน์ว่า ส.ว.ชุดใหม่ จะมองเรื่องนี้อย่างไร

เมื่อถามว่าข้อกังวล ส.ว.ชุดใหม่ อาจมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติ เช่น วุฒิการศึกษา หรืออาชีพที่ไม่ตรงกับกลุ่มอาชีพที่รับสมัคร นายพริษฐ์มองว่า ทุกคนก็ผ่านกติกาที่ถูกออกแบบมาด้วยรัฐธรรมนูญ 2560 หากไม่พบการกระทำใดๆ ที่ผิดกฎหมาย ก็คิดว่าทุกคนเข้ามาด้วยกระบวนการอย่างเท่าเทียมกัน แต่หากมีการกระทำที่ขัดต่อกฎหมาย กกต.ก็ต้องเร่งตรวจสอบและลงโทษตามกระบวนการ

ส่วนที่มีความคิดว่าควรจะปรับกระบวนการได้มาซึ่ง ส.ว.ให้เป็นการเลือกตั้ง หรือถึงขั้นตั้งคำถามว่า ควรมีวุฒิสภาต่อไปหรือไม่ ก็ล้วนเป็นโจทย์ที่คิดว่าสามารถพูดคุยกันได้ แต่สุดท้ายพรรคก้าวไกลก็เชื่อว่า ผู้ที่จะมาออกแบบกระบวนการ ควรเป็น ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image