ปัญหา ณ เบื้องหน้าคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขณะนี้ ไม่ว่าจากกรณีการเลือก “สมาชิกวุฒิสภา” ไม่ว่าจากกรณี “การเลือกตั้ง” นายก อบจ.ปทุมธานี มาจาก “รากฐาน” เดียวกัน
นั่นก็คือ ปัญหาอันเนื่องจาก “ความไม่โปร่งใส” ซึ่งสัมพันธ์อยู่กับกฎกติกาที่ยึดโยงอยู่กับความสุจริต และความไม่สุจริต
ในที่สุดก็รวมศูนย์ตกผลึกภายใต้บทสรุปแห่ง “ความเชื่อมั่น”
องค์ประกอบแห่งความเชื่อมั่นมิได้มาจาก “โครงสร้าง” และกระบวนการใน “การปฏิบัติ” ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) อย่างด้านเดียว หากมาจากผู้ที่เข้ามามีส่วนร่วมในโครงสร้างด้วย
เมื่อสำรวจเข้าไปในแต่ละรูปธรรมของกรณีอันปะทุขึ้นเป็นปัญหา และก่อให้เกิดความลังเล ไม่แน่ใจในการตัดสินใจ มีความจำเป็นต้องเข้าไปทำความเข้าใจในความเป็นจริงที่บังเกิด
มองเข้าไป “ภายใน” โครงสร้างอันเป็นรากฐานแห่งความปั่นป่วนวุ่นวายของการเลือก “สมาชิกวุฒิสภา” มองเข้าไปความเป็นจริงของคำถามต่อการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี
ถามว่าความแหลมคมที่กลายเป็นมูลเชื้อก่อให้เกิดความแคลงคลางกังขาในทางความคิด ในทางการเมืองเป็นอย่างไร
คำตอบที่น่ากังวลอย่างยิ่งมาจากภายใน “กกต.”
จะเข้าใจคำตอบนี้ต้องเริ่มต้นจากสภาพแห่งความอื้อฉาวของปัญหา มีรากฐานและการปะทุขึ้นอย่างเป็นระบบเป็นกระบวนการขึ้นมาได้อย่างไร
ไม่ว่าความพิลึกพิกลภายในกระบวนการ “การสมัคร” ไม่ว่าผลสะท้อนอันเป็น “ปรากฏการณ์” ตลอดสองรายทาง
ถามว่าเป็นการพบและการจัดระบบขึ้นมาโดย “กกต.” หรือว่าเป็นการปูดขึ้นมาจากภายในของผู้สมัครและเป็นการประมวล นำเสนออย่างจริงจังโดย “สื่อ”
ตรงกันข้าม ไม่ว่ากระบวนการรับสมัคร ไม่ว่ากระบวนการคัดสรร แต่ละปัญหาที่ได้รับการหยิบยกขึ้นมาและกลายเป็นประเด็นมาจากความเป็นจริงที่แต่ละคนประสบ
แม้กระทั่ง “ข้อมูล” อันแปลกพิสดารอันนำไปสู่รูปธรรมแห่งการจัดตั้งและฮั้วทางการเมืองตลอดจนกรณี นายชาญ พวงเพ็ชร์
จุดเริ่มแห่งการค้นพบมิใช่ “กกต.” หากเป็นงานของ “สังคม”
ความเชื่อมั่น ความไม่เชื่อมั่น จึงเป็นการประมวลและก่อรูปขึ้นในทางความคิดต่อความเป็นจริงทางการปฏิบัติของ กกต.
เริ่มจาก “ความรู้สึก” และตกผลึกกลายเป็นความรู้สึก “ร่วม”
จึงไม่เพียงมองและประเมินว่าคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ไหลโอนเอนไปตาม “กระแส” ไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่มีผลงานอันสะท้อนความเป็นตัวของตัวเองอย่างมั่นคง
เท่ากับเป็นการรอดู “ธง” อันเป็นปัจจัยกดบีบเร่งเร้ามาจากปัจจัย “ภายนอก” ตั้งแต่เริ่มต้นและปริโยสาน