ทหารเชิญตัว’วรชัย’ปรับทัศนคติ ไม่แจ้งสถานที่ เจ้าตัวย้ำไม่ได้ให้ร้ายใคร

ทหารเชิญตัว’วรชัย’ปรับทัศนคติ ไม่แจ้งสถานที่ เหตุจี้ รบ.รับผิดชอบหากร่าง รธน.ไม่ผ่าน เจ้าตัวย้ำไม่ได้ให้ร้ายใคร หวังดีไม่อยากให้ ปท.ติดกับดัก

เมื่อวันที่ 26 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.30 น. บรรยากาศที่หมู่บ้านเลอร์นีโอ 2 ถนนศรีนครินทร์ ต.บางเมือง อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านพักของนายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการ และแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) โดยนายวรชัยได้ออกมาต้อนรับผู้สื่อข่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ภายหลังมีคำสั่งจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้เจ้าหน้าที่ทหารเดินทางมาที่บ้านพักเพื่อนำตัวนายวรชัยไปปรับทัศนคติ สืบเนื่องจากนายวรชัยได้ให้สัมภาษณ์แสดงความคิดเห็นเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.แสดงความรับผิดชอบหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ เมื่อวันที่ 24 มีนาคมที่ผ่านมา

ทั้งนี้ นายวรชัยให้สัมภาษณ์ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ทหารว่า จากที่ได้ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาให้ร้ายกับท่านนายกรัฐมนตรี จากอดีตที่ผ่านมา สิ่งที่พูดนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในประเทศไทยจริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพฤษภาทมิฬ ถ้ามีปัญหาแบบนี้ต่อไป หลังจากเลือกตั้งก็จะมีปัญหาตามมาอีกในเรื่องความขัดแย้ง หรือว่าฝ่ายการเมืองชนะก็บริหารประเทศไม่ได้ ที่สำคัญในเมื่อพรรคการเมืองไหนไม่สามารถถือเสียงข้างมากได้ ก็จะไปรวมกับพรรคการเมืองหลายพรรค
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ตามมาถ้ามีการเมืองหลายพรรค ก็มีโควต้า โดยทุกคนก็ไปเอา ส.ส.มาอยู่ในแก๊งของตัวเอง ขณะเดียวกัน ส.ส.ที่อยู่ในแก๊งก็จะขอตำแหน่งและมีการจ่ายเงินกัน ซึ่งเป็นต้นเหตุการคอร์รัปชั่น จึงทำให้ประเทศเดินหน้าไม่ได้ จึงมองประเด็นนี้ว่าถ้าหากเราร่างรัฐธรรมนูญให้ดีเลย ไม่ต้องมีกับดักเหมือนที่ผ่านมา ไม่ดีกว่าหรือ ประเทศก็จะเดินไปข้างหน้าได้ อย่างไรก็ดี หากร่างรัฐธรรมนูญให้ดีและมาลงเลือกตั้งเอง เชื่อว่าประชาชนจะยกนิ้วให้และยกย่องท่านให้เป็นฮีโร่ เพราะฉะนั้นตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญของประเทศ

201603261300022-20141128130850

Advertisement

“ผมไม่อยากให้ประเทศเสียเวลา นักการเมืองก็ไม่ใช่คนชั่วทุกคน ผมก็ประกอบอาชีพโดยความซื่อสัตย์ และก็ทำหน้าที่นักการเมืองเพื่อประชาธิปไตย ก็ต้องมีหน้าที่ทำให้ประเทศเดินหน้า ที่ผ่านมาผมพูดไปไม่ได้ให้ร้ายท่าน โดยท่านอาจจะมองคำพูดผมในมุมของนักการทหาร แต่ผมมองในมุมนักการเมือง เพราะนักการเมืองจะต้องสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ในอดีตท่านเป็นนักการทหาร แต่วันนี้ท่านเป็นนักการเมือง เราเห็นว่าอนาคตมีกับดักก็ต้องบอกท่านไป
ที่จริงท่านต้องฟังผมบ้าง เพื่อเป็นกระจกสองด้าน โดยด้านหนึ่งอาจจะเอาไปแก้ปัญหาได้ เนื่องจากผมพูดสะท้อนจากความรู้สึกของประชาชนมา และได้บอกผ่านสื่อ ไม่ได้ใช้โซเชียลเลย เพราะฉะนั้นวันนี้ไม่มีการเลือกตั้ง ยังไม่มีสภา ก็ต้องบอกผ่านสื่อ เพื่อเป็นสื่อกลางนำไปบอกรัฐบาล วันนี้นายทหารจะมารับตัวผมเพื่อไปปรับทัศนคติ ก็เป็นเรื่องปกติของนักประชาธิปไตยที่แสดงความคิดเห็น ทั้งนี้ ถ้าผู้มีอำนาจเห็นว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่ผมพูดก็เป็นบุญของประเทศไทย แต่ถ้าผู้มีอำนาจเห็นว่าสิ่งที่พูดเป็นการทำลายและเป็นติติง แต่ผมว่าในความรู้สึกของผมถ้าท่านรับฟังเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยผมไม่ได้ต้องการให้ร้ายท่านแต่อย่างใด” นายวรชัยกล่าว

นายวรชัยกล่าวว่า ในเมื่อพูดถึงความชอบธรรมในเรื่องการวิจารณ์นักการเมืองนั้น มองว่าประเทศที่เป็นประชาธิปไตยต้องมีบรรยากาศประชาธิปไตย คือ สิทธิเสรีภาพสามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ เป็นเรื่องสำคัญ นั่นคือความเชื่อมั่นของประเทศไทยที่จะต้องทำให้ได้ ถ้าการเมืองสงบได้ มีรัฐบาลที่เข้มแข็ง การเมืองดีเศรษฐกิจก็ดีตามมา เป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าการเมืองอ่อนแอ เหมือนที่รัฐธรรมนูญที่กำลังจะทำให้การเมืองอ่อนแอ อย่างอื่นก็คงแย่ตามไปด้วย หลายประเทศการเมืองเขาเข้มแข็งก็เลยพัฒนาประเทศให้ยั่งยืนได้ นี้คือเรื่องสำคัญ ตนต้องการให้การเมืองเข้มแข็งเป็นประชาธิปไตยจริงๆ สัก 80% ก็ยังดี นี่คือความรู้สึกและความต้องการของหัวใจตน โดยไม่ได้ต้องการให้ร้ายใคร

201603261300023-20141128130850

Advertisement

ต่อมาเวลา 10.40 น. เจ้าหน้าที่ทหารนำโดย พ.อ.อาทิตย์ ดีประเสริฐ เสนาธิการกรมทหารปืนใหญ่ที่ 2 รักษาพระองค์ พร้อมด้วยกำลังอีกจำนวนหนึ่งได้เดินทางมาที่บ้านพักของนายวรชัย ก่อนที่จะนำกำลังเข้าไปเชิญนายวรชัยออกจากบ้านพักนำขึ้นรถตู้สีขาว หมายเลขทะเบียน กข 4878 ปราจีนบุรี โดยมีรถฟอร์จูนเนอร์สีขาว หมายเลขทะเบียน 2 กณ 8032 กรุงเทพมหานคร นำหน้า เดินทางออกจากบ้านไป ส่วนนายวรชัยได้ขึ้นรถแล้วได้มีการโบกมือทักทายนักข่าวก่อนที่รถตู้จะขับออกไป โดยเจ้าหน้าที่ทหารไม่ได้แจ้งว่าจะนำตัวนายวรชัยไปที่ใด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image