หนุ่มชาวสวนที่ถูกตัดสิทธิสมัครส.ว. แฉเบื้องหลังรับ 2,500 บาท ลงสมัครส.ว. โอดไม่คุ้มต้องถูกดำเนินคดี

หนุ่มชาวสวนที่ถูกตัดสิทธิสมัครส.ว. แฉเบื้องหลังถูกว่าจ้างด้วยเงิน 2,500 บาท ลงสมัครเพื่อล็อกเป้าไปเลือกผู้สมัครระดับอำเภอและจังหวัด โอดไม่คุ้มต้องถูกดำเนินคดี

เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ถอดสิทธิผู้สมัคร ส.ว. จำนวน 102 ราย และอยู่ในขั้นพิจารณาตรวจสอบข้อเท็จจริงอีกจำนวนหนึ่งนั้น

ล่าสุด มีผู้สมัคร ส.ว.ที่ถูกตัดสิทธิได้เดินทางมาที่ กกต.นครศรีธรรมราช เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยได้รับคำแนะนำให้ไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช

โดยนายอุทัย (สงวนนามสกุล) ผู้สมัคร ส.ว.ที่ถูกตัดสิทธิจากมาตรา 14 เปิดเผยว่า ปกติตนทำงานในสวนของแหล่งท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในนครศรีธรรมราช ได้รับการชักชวนให้ลงสมัคร ส.ว.จากผู้นำท้องถิ่นคนหนึ่ง โดยไม่ได้คิดว่าจะได้ แต่ตนสนใจเงินว่าจ้าง 2,500 บาท ให้มาลงสมัคร ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆ คนชักชวนจะเป็นคนจัดหามาให้ ตนทำตามคำสั่งเท่านั้น

นายอุทัยกล่าวต่อว่า ยอมรับว่าไม่รู้กฎหมายจริงๆ ไม่รู้เรื่องจริงๆ พอถูกถอนสิทธิก็ยังไม่รู้ แต่พอเพื่อนผู้สมัครอีกคนมาหาและบอกว่าจะต้องถูกดำเนินคดี ถูกจับ ต้องขึ้นศาลด้วย จะทำอย่างไร ตนเป็นคนสวนไม่มีความรู้อะไรมาก มาสมัครเพราะอยากได้เงิน หากต้องขึ้นศาลจะเอาเงินไหนไปจ่ายค่าปรับ ทาง กกต.ได้สอบถามแล้วว่าใครจ่ายเงิน แล้วไปเอาเงินมาจากพรรคการเมืองใด ตนก็ไม่ทราบอีกว่าพรรคใดจ่ายเงินมาให้ รู้แต่ว่าตัวเองจะต้องเลือกใครในอำเภอและจังหวัด ทุกครั้งที่มีการนัดพูดคุยกันจะได้รับเงินค่าเสียเวลาคนละ 300 บาท เลี้ยงข้าว กาแฟ ขนม ส่วนตนเป็นสมาชิกพรรคการเมืองอะไร ตนก็ยังไม่ทราบ ขณะนี้ยังไม่ทราบอะไรทั้งสิ้น ไม่คุ้มเลยจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมามีตัวแทนผู้สมัคร ส.ว.ที่ถูกตัดสิทธิ เดินทางเข้าพบทนายความของสำนักงานนครนิติธรรมทนายความ เพื่อร้องขอความช่วยเหลือในคดีดังกล่าวด้วยเช่นกัน

ด้านนายสัญญา กรุงแก้ว ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งจังหวัดนครศรีธรรมราช เปิดเผยว่า จะดำเนินคดีกับผู้ถูกตัดสิทธิทั้งหมดและอาจจะมีอีก ซึ่งในขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณาและหากตรวจพบว่ากระทำความผิด พ.ร.บ.การเลือกตั้งจริง ก็จะถูกตัดสิทธิอีกเช่นกันและในส่วนของการดำเนินคดีนั้น คงต้องรอให้การเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาแล้วเสร็จถึงจะดำเนินคดีกับผู้ถูกตัดสิทธิทั้งหมดได้ คงต้องใช้เวลาอีกประมาณ 1-2 เดือนถึงจะแล้วเสร็จ ซึ่งทาง กกต.จะยื่นเรื่องไปยังสถานีตำรวจภูธรในแต่ละพื้นที่ที่ผู้ถูกตัดสิทธิอยู่ในพื้นที่แห่งนั้น ที่เหลือก็เป็นหน้าที่ของทางตำรวจที่จะส่งเรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่