ประวัติศาสตร์ไทย ในประวัติศาสตร์โลก

ประวัติศาสตร์ไทย ในประวัติศาสตร์โลก

ประวัติศาสตร์ไทย
ในประวัติศาสตร์โลก

โดย ผู้สื่อข่าวพิเศษ

“ความเป็นไทยไม่เหมือนใครในโลก” เป็นสิ่งที่ชนชั้นนำอำนาจนิยมของไทยใช้ปลุกระดมโฆษณาชวนเชื่อผ่านระบบการศึกษา โดยเฉพาะประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งไม่จริงอย่างยิ่ง

เพราะความเป็นไทยไม่ต่างจากความเป็นคนทั้งหลายซึ่งมีอยู่ในโลก และเป็นส่วนหนึ่งของโลกที่ต่างรับวัฒนธรรมภายนอกเข้ามาประสมประสานกับวัฒนธรรมภายใน รวมถึงรับวัฒนธรรมตะวันออกกับเลือกสรรวัฒนธรรมตะวันตกมาคลุกเคล้าเข้าด้วยกันอย่างกลมกลืนบ้าง ไม่กลมกลืนบ้าง

Advertisement

แต่ในไทยมักไม่ให้ความสำคัญว่าประวัติศาสตร์ไทยเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์โลก ความเจริญเติบโตของบ้านเมืองและรัฐในไทยส่วนสำคัญล้วนเกิดจากความเคลื่อนไหวของโลกคือการค้านานาชาติ หรือการค้าโลก เช่น รัฐทวารวดีในไทยมีขึ้นจากการค้านานาชาติ หลัง พ.ศ.1000 เป็นต้น ซึ่งเริ่มจากการค้าทองแดงกับสุวรรณภูมิ (ไม่มีทองคำ)

หนังสือ “ประวัติศาสตร์ไทย มองไกลประวัติศาสตร์โลก” ของ ดร.พรชัย สุจิตต์ เป็นความก้าวหน้าเบื้องต้นที่ควรมีไว้ศึกษาเปรียบเทียบ จะได้เข้าใจลึกซึ้งถึงประวัติศาสตร์ไทยในประวัติศาสตร์โลก และไม่หลงตัวเอง

Advertisement

ความรู้คือพลังที่มีน้ำหนัก

หนังสือ “Timeline ประวัติศาสตร์ไทย มองไกลประวัติศาสตร์โลก” ย้อนรอยประวัติศาสตร์ไทยเทียบสากล ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงปัจจุบัน

เป็นหนังสือที่ผู้เขียนตั้งใจรวบรวมและสรุปข้อมูลจากหลักฐานต่างๆ เช่น ทางโบราณคดี ศิลาจารึก ตําานาน พงศาวดาร เอกสารทางประวัติศาสตร์ รายงาน บทความ และข่าวสาร ซึ่งบอกว่ามีอะไรเกิดขึ้นก่อนและหลังตามไทม์ไลน์หรือเวลาที่ผ่านไปในดินแดนต่างๆ จนในที่สุดได้กลายมาเป็นของสยามและไทยจนเกิดเป็นประเทศ

โดยมีวัตถุประสงค์ที่อยากให้เด็ก นักเรียน นักศึกษา นิสิต เยาวชน และคนไทยทั่วไปทั้งหลายได้เรียนรู้อย่างสั้นๆ จากข้อความและภาพประกอบถึงประวัติและความเป็นมาของสมัยก่อนและหลังบรรพบุรุษของเราที่มีมาแต่โบราณ รวมทั้งสภาพแวดล้อมและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กันของโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างไม่เป็นแบบวิชาการที่หนักและมากเกินไป

ข้อมูลที่นํามาใช้ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของชื่อ สถานที่ ยุค สมัย อายุ หรือปีทั้งแบบ พ.ศ. และ ค.ศ. ผู้เขียนยอมรับและเชื่อว่ามีท่านผู้รู้หรือนักวิชาการหลายท่านที่มีความคิดเห็นแตกต่างกันออกไป

ดังนั้นข้อมูลที่ผู้เขียนนําเสนอมาในหนังสือเล่มนี้คือแนวคิดแนวหนึ่งจากการสันนิษฐานของข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ตายตัว ขึ้นอยู่กับการตีความและการใช้ข้อมูลทั้งเก่าและใหม่ หรือที่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัด รวมทั้งหลักฐานทางวิทยาศาสตร์

เนื่องจากมีเรื่องราวสําคัญเกิดขึ้นอย่างมากมายมหาศาลทั้งในดินแดนไทยและของโลก ผู้เขียนจึงขอยกตัวอย่างเพียงบางส่วนของเหตุการณ์และบุคคลสําคัญมาเป็นข้อมูลและนํามาใช้ในหนังสือเล่มนี้ หากผู้เขียนไม่ได้นําข้อมูลหรือกล่าวถึงในเรื่องหรือบุคคลใดที่ท่านผู้อ่านคิดว่าสําคัญและควรกล่าวถึง ผู้เขียนใคร่ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย

หากท่านผู้อ่านท่านใดอยากทราบที่มาหรือต้องการความรู้เพิ่มเติมอย่างละเอียด ก็สามารถหาดูได้จากเอกสารอ้างอิงในหน้าบรรณานุกรมซึ่งกล่าวถึงที่มาของข้อมูลต่างๆ ในแต่ละบท

ผู้เขียนหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะทําให้ท่านผู้อ่านมีความภาคภูมิใจในเรื่องความเป็นมาหรือประวัติศาสตร์ทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรมของเราที่ในหลายประเทศเขาไม่มีเหมือนเรา และก่อให้เกิดประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย

ผู้เขียนอยากให้ท่านผู้อ่านช่วยสนับสนุนให้ลูกๆ หลานๆ ของท่านได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้ หรือท่านผู้อ่านจะอ่านให้ฟังโดยเฉพาะเด็กๆ ไว้เป็นความรู้ที่ติดตัวไปได้ตลอดกาลเวลา เพราะ “ความรู้คือพลังที่มีน้ำหนัก (Knowledge is heavy with power)” ที่เราสามารถสะสมในตัวเราเองได้อย่างไม่มีวันจบ เมื่อเราพอมีความรู้พวกนี้บ้างแล้ว สักวันหนึ่งเราอาจนำความรู้เหล่านี้มาใช้เป็นพลังให้กับตัวเราให้เกิดสิ่งดีๆ ได้อย่างไม่เคยคิดมาก่อน เมื่อถึงเวลานั้น ผู้เขียนหวังว่าท่านผู้อ่านจะรู้สึกว่าตนมีพลังที่หนักแน่นในการดําเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุข โดยเฉพาะในการให้ความรู้แก่ลูกหลาน

พรชัย สุจิตต์

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image