ขออีก 10 วัน รองผวจ.ประจวบขยายเวลาสอบ หาผู้รับผิดชอบเขาช่องกระจก

จากกรณีต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกที่อยู่ในเขตอภัยทานของวัดธรรมิการามวรวิหาร ตรงข้ามศาลาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ว่าถูกเจ้าอาวาสวัดธรรมิการามตัดโค่นถอนรากถอนโคน ต่อมาผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ทำหนังสือขอพระราชทานอภัยโทษถึงสำนักพระราชวัง พร้อมตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริงเพื่อหาหน่วยงานรับผิดชอบภายใน 15 วันนั้น

เมื่อวันที่ 18 กันยายน นายพงษ์พันธ์ วิเชียรสมุทร รองผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหาหน่วยงานรับผิดชอบพื้นที่เขาช่องกระจก เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เสนอตั้งนายสมพร ปัจฉิมเพ็ชร ปลัดจังหวัด ทำหน้าที่กรรมการเพิ่ม และเสนอขอขยายเวลาสอบสวนอีก 10 วัน เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจนก่อนเริ่มกระบวนการทางกฎหมายกับผู้ตัดต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูก จากนั้นจะนำเสนอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดพิจารณาว่าพื้นที่เขาช่องกระจกเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากวัดธรรมิการามไม่มีหลักฐานยืนยันการขอใช้ประโยชน์ แต่เนื่องจากมีการสร้างวัดตั้งแต่ปี 2465 และพบรอยพระพุทธบาทจำลองบนเขาช่องกระจก คณะกรรมการจึงสั่งให้สืบค้นข้อมูลจากหอจดหมายเหตุแห่งชาติ และสอบถามพยานบุคคลหลายราย การแปลภาพถ่ายทางอากาศจากกรมแผนที่ทหาร เพื่อหาหลักฐานการใช้ประโยชน์ของวัดบนพื้นที่ภูเขา ทั้งนี้ หากหน่วยงานระดับจังหวัดไม่สามารถหาข้อยุติได้คาดว่าผู้ว่าราชการจังหวัดจะเสนอให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาทำการวินิจฉัยต่อไป ยืนยันว่าอาจจะไม่มีข้อยุติในระยะสั้น และขอเรียนว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่มีหน้าที่หาสาเหตุการตัดโค่นต้นศรีมหาโพธิ์ทรงปลูกแต่อย่างใด

ด้านนายวิชิต ปลั่งศรีสกุล ที่ปรึกษากฎหมายพรรคเพื่อไทย ในฐานะชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ได้ออกแถลงการณ์ ระบุว่า กรณีต้นศรีมหาโพธิ์ถูกตัดทิ้งจนเหลือแต่ซากตอ แต่ผู้บริหารของจังหวัดไม่สามารถชี้แจงและสรุปข้อเท็จจริงได้โดยเร็ว ทำให้มีการร้องเรียนเกี่ยวกับหน่วยงานที่รับผิดชอบบนเขาช่องกระจกว่าหน่วยงานใดเป็นผู้ดูแล นอกจากนั้นมีการใช้เงินงบประมาณ 70 ล้านบาท เพื่อพัฒนาบนเขาช่องกระจกโดยถูกต้องหรือไม่ และผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จะมีความผิดหรือต้องรับผิดชอบต่อกรณีดังกล่าวอย่างไร

“ผมไม่รู้จักและไม่เคยมีสาเหตุขัดแย้งกับผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นการส่วนตัว แต่ในฐานะที่จังหวัดประจวบเป็นบ้านเกิดเมืองนอน จึงขอเรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดอย่าได้เพิกเฉยหรือมีท่าทีปกป้องผู้กระทำความผิด โดยไม่ยอมชี้แจงข้อเท็จจริงและดำเนินการกับผู้ตัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเวลาอันสมควรและปัญหานี้ ผมขอยืนอยู่ข้างพี่น้องชาวจังหวัดประจวบคีรีขันธ์และจะร่วมร้องทุกข์กล่าวโทษจนถึงที่สุดต่อไป” นายวิชิตกล่าว

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image