เผาแล้ว ม.2 ถูกตู้น้ำชอร์ตดับในร.ร. ครอบครัวห่วงจิตใจพี่ชาย สพม.13 ยังไม่แจ้งผลสอบสวน

น้ำตาท่วมวัด พ่อแม่-ครู-นร.โอบกอดร่ำไห้ ส่ง ‘น้องวายุ’ ครั้งสุดท้าย น.ร.เคราะห์ร้ายถูกไฟชอร์ตเสีนชีวิตคาตู้น้ำเย็นโรงเรียน ลุงเผยครอบครัวไม่ติดใจ แต่ห่วงสภาพจิตใจพี่ชายเด็ก เพราะผูกพันกันมาก ไม่เคยห่างกัน ส่วนเรื่องเยียวยา 9 ก.ค.นี้อัยการคุ้มครองสิทธิยื่นมือช่วยทำบันทึกข้อตกลงกับฝ่ายโรงเรียนให้รัดกุม ขณะที่ผลสอบ สพฐ.ยังเงียบ

เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน ที่วัดควนตุ้งกู ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง สถานที่บำเพ็ญกุศล ด.ช.วรวิทย์ หรือ วายุ อายุ 14 ปี นักเรียน ชั้น ม.2 ถูกกระแสไฟของตู้กดน้ำโรงเรียนชอร์ตบาดเจ็บแล้วเสียชีวิต เหตุเกิดวันที่ 21 มิถุนายน โดยวันนี้มีพิธีฌาปนกิจ ซึ่งมี นายธนากร ชูจิตต์ นายอำเภอกันตัง เป็นประธาน ท่ามกลางความเศร้าโศกของบรรดาผู้ร่วมงาน โดยเฉพาะพี่ชายของน้องวายุ ซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.4 โรงเรียนเดียวกัน พ่อ แม่ ญาติพี่น้อง ตลอดจนผู้บริหารโรงเรียนที่เกิดเหตุ ผู้บริหารจากหลายโรงเรียน ผู้บริหารเขตพื้นที่การศึกษา คณะครู และเพื่อนๆ หลายคนกอดกันร่ำไห้ โดยเฉพาะพี่ชายของน้องวายุ ซึ่งพ่อต้องคอยกอดปลอบประโลมตลอดเวลา ส่วนแม่มีเพื่อนของลูกและญาติๆ ดูแลและคอยปลอบตลอดเวลาเช่นเดียวกัน

นายสมบูรณ์ ลุงของน้องวายุ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางพ่อ แม่ ครอบครัวและญาติๆ ทุกคนเข้าใจว่าเป็นอุบัติเหตุ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น หลังเกิดเหตุแล้วทางโรงเรียนและหลายฝ่ายเข้ามารับผิดชอบดูแลเต็มที่ เหมือนที่พ่อ แม่ เคยให้ข่าวไปว่าครอบครัวไม่ได้ติดใจในสาเหตุ ส่วนเรื่องคดี เรื่องการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ที่ สพม.13 แต่งตั้งขึ้นมา รวมทั้งเรื่องการเยียวยาครอบครัวนั้น ทางครอบครัวไม่ได้เป็นห่วง เนื่องจากสำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดีจังหวัดตรังเป็นผู้เข้ามาดูแลในเรื่องนี้ทั้งหมด โดยวันที่ 9 กรกฎาคม อัยการคุ้มครองสิทธิจะนัดฝ่ายครอบครัวและฝ่ายโรงเรียนมาทำบันทึกข้อตกลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อความเป็นธรรมกับครอบครัว เชื่อว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามขั้นตอนของระเบียบราชการและตามกฎหมาย

Advertisement

นายสมบูรณ์กล่าวอีกว่า สิ่งที่ครอบครัวเป็นห่วงมากที่สุดคือสภาพจิตใจของพ่อ แม่ โดยเฉพาะพี่ชายของน้องวายุ ซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน ครอบครัวนี้มีกัน 2 คนพี่น้องเท่านั้น และไม่เคยห่างกัน วันเกิดเหตุพี่ชายก็อยู่ในโรงเรียนร่วมกิจกรรมแข่งกีฬาสีเช่นกัน ครอบครัวรู้สึกได้ว่าน้องได้รับความกระทบกระเทือนทางจิตใจมาก และมีปัญหาสุขภาพด้วย ทางครอบครัวจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้นักจิตวิทยา เจ้าหน้าที่สาธารณสุขก็เข้ามาดูแลเยียวยาสภาพจิตใจ และหลังจากนี้ครอบครัวก็จะดูแลอย่างเต็มที่ ไปโรงเรียนก็มีผู้บริหาร คณะครู และเพื่อนๆ คอยดูแลเช่นกัน เชื่อว่าจะต้องผ่านทุกอย่างไปได้ด้วยความรัก ความเข้าใจกันทั้งคนในครอบครัวและโรงเรียน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อตกลงการเยียวยาในเบื้องต้นระหว่างโรงเรียนกับผู้ปกครอง ได้แก่ เงินเยียวยา 120,000 บาท และเงินประกันอุบัติเหตุกลุ่มอีก 90,000 บาท รวมเป็น 210,000 บาท นอกจากนี้ สพฐ.กำลังพิจารณาหาระเบียบเพื่อเยียวยาเพิ่มเติมและจะรับผิดชอบค่าจัดการงานศพทั้งหมด รวมถึงจะงดเว้นค่าเทอมพี่ชายคนโต ซึ่งปัจจุบันเรียนอยู่ชั้น ม.4 จนจบ ม.6 และหาทุนศึกษาต่อจนจบปริญญาตรี ตลอดจนช่วยเหลือการรักษาพยาบาลพี่ชายคนโต ซึ่งป่วยเป็นโรคไตด้วย

Advertisement

อย่างไรก็ตาม กรณี สพม.13 ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงถึงสาเหตุของเหตุสลดที่เกิดขึ้น ผ่านมากว่าสัปดาห์แล้วยังไร้วี่แววบทสรุปของผลสอบดังกล่าว ตามที่ ผอ.สพม.13 ตรัง กระบี่ ได้ระบุในการแถลงข่าวร่วมกับ นายทรงกลด สว่างวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ผลสอบข้อเท็จจริงในส่วนของ สพฐ.จะได้ข้อสรุปในช่วงเย็นวันดังกล่าว แต่ภายหลังได้เลื่อนออกไป โดย นายชัยณรงค์ ช่างเรือ ผอ.สพม.13 ตรัง กระบี่ ให้เหตุผลว่า กระบวนสอบยังไม่เสร็จสิ้น เพราะต้องการให้การสอบเป็นไปอย่างครบถ้วน สมบูรณ์ และจะขอให้ข่าวอีกครั้ง หลังทราบผลการสอบสวนที่ชัดเจน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image