ยูโร 2 นัดของอัซซูรี่ เอาตัวให้รอดก่อนลุ้นป้องแชมป์

ยูโร 2 นัดของอัซซูรี่ เอาตัวให้รอดก่อนลุ้นป้องแชมป์

แชมป์เก่า อิตาลี ลงแข่งขันศึก ยูโร 2024 มา 2 นัด สถานการณ์ค่อนข้างทุลักทุเล แบบที่เรียกว่าต้องพยายาม “เอาตัวรอด” มากกว่าการลุ้นป้องกันแชมป์

นัดแรกโดน แอลเบเนีย ยิงนำแบบงงๆ ใน 23 วินาทีแรก ก่อนพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะได้สำเร็จ
นัดสองถึงแพ้ สเปน แค่ 0-1 แต่รูปเกมเป็นรองค่อนข้างมาก ถ้าไม่ได้ จานลุยจิ ดอนนารุมม่า นายทวารกัปตันทีมช่วยเซฟอุตลุดแล้ว สกอร์อาจจะขาดกว่านี้มาก

Advertisement

ก่อนแข่งแมตช์นี้ ทั้งสื่อและแฟนบอลต่างก็ตั้งตารอเพราะเป็นศึกช้างชนช้างที่ทีมใหญ่ทีมเต็งเจอกันหนแรกในทัวร์นาเมนต์

เท่านั้นไม่พอ จากประวัติศาสตร์ลูกหนังที่ผ่านมา สเปนกับอิตาลีโคจรมาพบกันทีไรก็มีเรื่องเล่า มีประเด็นให้ถูกพูดถึงได้ตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศึกยูโร

ย้อนไปในปี 2008 กระทิงดุเฉือนชัยอัซซูรี่ในการดวลจุดโทษรอบก่อนรองชนะเลิศ กลายเป็นความหลังฝังใจของแฟนบอลอิตาเลียน เนื่องจากสเปนก้าวไปคว้าแชมป์ในปีนั้น และยังเป็นจุดเริ่มต้นของการคว้าชัยในทัวร์นาเมนต์เมเจอร์ 3 รายการต่อเนื่อง

Advertisement

หลังจากนั้น ทั้ง 2 ชาติก็ได้เจอกันในศึกยูโรอย่างน้อย 1 ครั้งมาตลอด

ปี 2012 พวกเขาเสมอกันในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนสเปนถล่ม 4-0 ในรอบชิงชนะเลิศ พอปี 2016 อิตาลีล้างแค้นด้วยการชนะ 2-0 พอยูโรหนที่แล้ว อัซซูรี่ก็เขี่ยกระทิงตกรอบรองชนะเลิศในการดวลจุดโทษ

ก่อนศึกยูโรหนนี้ ทั้ง 2 ทีมต่างถูกมองว่าฟอร์มไม่ได้หวือหวานัก อาจจะด้วยชื่อเสียงของนักเตะไม่ใช่ซุปเปอร์สตาร์เหมือนกับยุคก่อนๆ แต่ผลงานในสนามระหว่างสเปนกับอิตาลีจาก 2 นัดในศึกยูโรหนนี้กลับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

กระทิงดุยุคใหม่สลัดภาพเก่าๆ ของตัวเอง ไม่มีการเคาะบอลไปมาและครองบอลเหนือคู่แข่งแบบมหาศาลสมัยยุค “ติกี้-ตาก้า” ยังรุ่งเรือง แต่เป็นกระทิงที่เล่นด้วยความดุดันและน่าตื่นตาตื่นใจ อาศัยความสดใหม่ของสองปีกวัยหนุ่ม ลามีน ยามาล และ นิโก้ วิลเลียมส์ สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับคู่ต่อสู้ โดยมีนักเตะเก๋าๆ คอยคุมสถานการณ์

ขณะที่อิตาลีได้รับการจับตามองก่อนทัวร์นาเมนต์จะเริ่ม เนื่องจากฟุตบอลลีกฤดูกาลล่าสุด สโมสรจากกัลโช่ เซเรียอา ทำผลงานได้ดีโดยภาพรวม โดยถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มี 3 ทีมเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย (นาโปลี, อินเตอร์ มิลาน, ลาซิโอ) ส่วนถ้วยยูโรป้าลีก มี 3 ทีมเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ (เอซี มิลาน, โรม่า, อตาลันต้า) ก่อนที่อตาลันต้าจะก้าวไปคว้าแชมป์ และถ้วยยูโรป้า คอนเฟอเรนซ์ลีก ฟิออเรนติน่าก็เข้าถึงรอบชิงก่อนจบด้วยตำแหน่งรองแชมป์

ผลงานโดดเด่นในบอลยุโรปทำให้กัลโช่ เซเรียอา เป็น 1 ใน 2 ลีก ร่วมกับบุนเดสลีก้าของเยอรมนี ที่ได้โควต้าพิเศษไปเตะแชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลหน้ามากถึง 5 ทีม

อย่างไรก็ตาม ผลงานระดับทีมชาติถือว่ายังไม่เข้าที่เข้าทางนัก เช่นทำได้ดีในเกมยูฟ่า เนชั่นส์ลีก ที่เอาชนะอังกฤษและเนเธอร์แลนด์มาได้ แต่ก็พลาดตั๋วลุยศึกฟุตบอลโลก 2022 ที่กาตาร์ เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นการไม่ผ่านไปเล่นรอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2 ครั้งติดต่อกัน

ระหว่างทางมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชจาก โรแบร์โต้ มันชินี่ เป็น ลูเซียโน่ สปัลเล็ตติ กว่าจะผ่านเข้ารอบสุดท้ายยูโรหนนี้มาได้ก็ต้องลุ้นระทึกด้วยการยันเสมอยูเครน 0-0 ในนัดสุดท้าย จึงเฉือนเข้ารอบในฐานะรองแชมป์กลุ่มด้วยการมีแต้มเท่ากับยูเครน ทีมอันดับ 3

กล่าวกันว่าสไตล์ของฟุตบอลอิตาลีในทัวร์นาเมนต์ใหญ่มักจะเครื่องร้อนช้า เริ่มต้นอาจจะไม่หวือหวา แต่มักไปได้ไกล เช่นยูโรหนที่แล้วที่หืดจับในรอบน็อกเอาต์หลายแมตช์

อย่างไรก็ตาม ในยูโร 2024 คำว่า “เริ่มต้นช้า” ของอิตาลีเกิดแม้กระทั่งในเกม โดยเฉพาะแมตช์กับสเปนที่อัซซูรี่ดูจะตามเกมของกระทิงดุไม่ทัน โดยเฉพาะช่วง 10 นาทีแรก

ทั้งปล่อยให้ เปดรี้ และวิลเลียมส์ มีโอกาสได้โหม่งบอลง่ายๆ ช่วงต้นเกม พอเจอความเร็วของวิลเลียมส์ โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ ก็ต้องเจอกับสถานการณ์ยากลำบาก พอ เฟเดริโก้ เคียซ่า ขยับไปช่วย ก็เป็นการเปิดโอกาสให้ มาร์ค คูคูเรย่า เติมเกมขึ้นหน้าซะอีก

ยิ่งเวลาผ่านไป สถานการณ์ของอิตาลีก็ยิ่งยากลำบาก ต้องอาศัยการดิ้นรนเอาตัวรอดโดยพึ่งพาดอนนารุมม่าเป็นหลัก จนช่วงหลังที่เริ่มตั้งหลักตอบโต้ได้ก็ยังไม่สามารถแก้ประตูคืน

ข้อดีในความเหนียวของอิตาลีเมื่อคืนคือการรักษาสกอร์ให้จบที่เสียแค่ประตูเดียวได้ สถานการณ์หลังจากนี้คือการลุ้นผลนัดสุดท้ายกับ โครเอเชีย ในรอบแบ่งกลุ่ม แค่เสมอก็จะเพียงพอต่อการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย

ถึงตรงนี้ คงต้องว่ากันไปทีละสเต็ป ทีละนัด และสำหรับแฟนบอลอัซซูรี่ก็คงต้องลุ้นให้ทีมรักค่อยๆ ตั้งหลัก แล้วเครื่องร้อนให้ทันเวลาเสียที

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image