ปาฏิหาริย์สิงโตคำราม ในวันที่แย่ แต่ก็ยังดีพอ

ปาฏิหาริย์สิงโตคำราม ในวันที่แย่ แต่ก็ยังดีพอ

หลังจากทีมชาติ อังกฤษ โชว์ฟอร์มไม่น่าประทับใจนักใน 3 นัดแรกของศึก ยูโร 2024 หลายคนจับจ้องว่าเกมเตะรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับ สโลวาเกีย จะช่วยกู้ศรัทธาให้ทีมสิงโตคำรามให้สมกับที่เป็นเต็งหนึ่งก่อนหน้าการแข่งขันจะเปิดฉากได้หรือไม่

ปรากฏว่า ช่วง 90 กว่านาทีในเวลาปกติ ทีมชาติอังกฤษและกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ต่างก็โดนนักวิจารณ์และแฟนบอลในโซเชียลจวกเละ ก่อนที่ปาฏิหาริย์จะบังเกิดเมื่อ จู๊ด เบลลิงแฮม โชว์ลูกโอเวอร์เฮดตีเสมอในนาที 90+5 ก่อน แฮร์รี่ เคน ทำประตูชัยให้ทีมในช่วงต่อเวลาพิเศษ จนเอาตัวรอดเข้ารอบมาได้หวุดหวิด

Advertisement

ถึงตอนนั้นเสียงวิจารณ์ก็เริ่มเงียบลง เป็นความพยายามเข้าใจในสถานการณ์ปัจจุบันมากขึ้น เพราะข้อเท็จจริงหนึ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้คือ เซาธ์เกตพาอังกฤษเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์ได้เป็นรายการที่ 4 ติดต่อกันแล้ว!

ช่วงที่ยังตามหลังสโลวาเกีย ทีมอันดับ 45 ของโลก และอยู่ห่างจากการตกรอบเพียงนาทีเดียว หลายคนคาดเดาอนาคตว่า เซาธ์เกตน่าจะลุกจากเก้าอี้หลังสิงโตพลิกร่วง แบบเดียวที่เคยเกิดกับ รอย ฮอดจ์สัน ตอนอังกฤษพลิกพ่าย ไอซ์แลนด์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ยูโร 2016

ตัวเซาธ์เกตเองก็ยอมรับว่า เขาคิดจะเปลี่ยนตัวจู๊ดออกจากสนามหลังจากเริ่มฟอร์มนิ่งๆ ไป

Advertisement

ขณะที่จู๊ด พอทำประตูตีเสมอได้ ก็เริ่มหันมาเพรสซิ่งหนักขึ้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่วนภาพรวมของสิงโตคำรามเริ่มมีชีวิตชีวา

ภาพรวมเกมกับสโลวาเกียนั้น อังกฤษไม่ได้เล่นดี แต่ก็ดีพอที่จะเอาตัวรอดเข้ารอบต่อไปได้

สื่อเมืองผู้ดีมองว่าสาเหตุหนึ่งที่นักวิจารณ์และแฟนบอลเริ่มเบาเสียงลงเพราะพวกเขาเริ่มทำใจยอมรับได้ว่า ด้วยระยะเวลาสั้นๆ ที่เหลือในทัวร์นาเมนต์นี้ เป็นเรื่องยากที่สิงโตคำรามจะพลิกฟอร์มจากหน้ามือเป็นหลังมือ แต่อย่างน้อยๆ สิ่งที่พวกเขามีคือความมุ่งมั่นตั้งใจไม่ยอมแพ้ และมาตรฐานฝีเท้าของนักเตะรวมๆ ที่สูงพอจะพลิกสถานการณ์ในช่วงเวลาสำคัญๆ ได้

กระนั้น การหวังพึ่งโมเมนต์พลิกเกมแบบนั้นย่อมอันตรายและไม่ดีต่อใจคนเชียร์ เพราะสถิติต่างๆ บอกชัดว่าเซาธ์เกตกับลูกทีมต้องพยายามยกระดับการเล่นให้ดีขึ้น

เกมกับสโลวาเกีย อังกฤษยิงตรงกรอบเพียง 2 ครั้ง ซึ่งก็คือ 2 ครั้งที่เป็นประตู พอได้ประตูขึ้นนำก็หันไปเน้นตั้งรับ ยึดหลักปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่โดนวิจารณ์มาตั้งแต่รอบแรกที่ทีมไม่พยายามจะยิงประตูเพิ่ม

นัดนี้โล่งอกที่พลิกนรกเอาตัวรอดไปได้ แต่จะเป็นอย่างนี้ได้ถึงเมื่อไร และแฟนๆ คงไม่อยากต้องลุ้นใจหายใจคว่ำไปทุกนัดจนจบการแข่งขัน

สำหรับเกมเตะนัดต่อไปในรอบก่อนรองชนะเลิศกับ สวิตเซอร์แลนด์ ในวันเสาร์ที่ 6 กรกฎาคม สิ่งที่ต้องเปลี่ยนแน่ๆ แล้วคือแท็กติกและการจัดตัวผู้เล่น เนื่องจาก มาร์ค เกอี เซ็นเตอร์แบ๊ก ติดโทษแบน ส่วนฟูลแบ๊ก คีแรน ทริปเปียร์ มีปัญหาบาดเจ็บจนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม

ทริปเปียร์ซึ่งปกติเล่นแบ๊กขวามีอาการเจ็บน่องเรื้อรังมาตั้งแต่แรก แถมถูกโยกไปเล่นแบ๊กซ้ายเนื่องจากทีมไม่มีแบ๊กซ้ายธรรมชาติช่วงที่ ลุก ชอว์ ยังไม่ฟิตพร้อมลงสนาม

ตลอด 4 นัดในยูโรหนนี้ เซาธ์เกตยึดไลน์อัพเดิมเกือบทั้งหมด ที่เปลี่ยนมีแค่คนยืนคู่กับ ดีแคลน ไรซ์ ในตำแหน่งมิดฟิลด์เท่านั้น

เขาอาศัยการเปลี่ยนตัวเพื่อปรับเปลี่ยนเกมในสนาม เช่นตอนเริ่มเกมกับสโลวาเกียเล่นแบ๊กโฟร์ พอช่วงต่อเวลาพิเศษหันมาเล่นเซ็นเตอร์ 3 ตัว โดยให้ บูกาโย่ ซาก้า กับ เอเบเรชี่ เอเซ่ ยืนเป็นวิงแบ๊ก

ในขณะที่สวิตเซอร์แลนด์มีแนวรับ 5 คน นักวิจารณ์บางคนจึงคาดเดาว่า เซาธ์เกตอาจจะหันมาใช้เซ็นเตอร์ 3 คนเหมือนตอนต่อเวลาพิเศษ แล้วลุ้นว่าชอว์จะฟิตทันลงสนามซะที

แมทธิว อัปสัน อดีตแข้งทีมชาติอังกฤษ หนึ่งในนักวิจารณ์ บอกว่า ถึงตรงนี้ทีมไม่มีอะไรต้องเสียแล้ว เพราะที่ผ่านๆ มา ฟอร์มก็ไม่ได้โดดเด่นมากนัก จึงควรว่ากันไปเป็นเกมต่อเกมว่าจะรับมือกับคู่แข่งแต่ละนัดอย่างไร

ด้วยสถานการณ์บังคับ ทั้งโทษแบนและผู้เล่นบาดเจ็บ การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นในนัดต่อไป

จะถูกใจแฟนบอลมากน้อยแค่ไหนยังคาดเดาไม่ได้ แต่จากผลงานในนัดที่ผ่านๆ มา เชื่อว่าหลายคนคงคิดเหมือนๆ กันว่า ต่อให้ไม่ดีก็ขอให้ดีพอ

…แล้วหวังว่าจะไปให้สุดทางเสียที!

 

 

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image