เมื่อเบลเยียมปิดฉากยุคทอง แบบไร้ความสำเร็จ

เมื่อเบลเยียมปิดฉากยุคทอง แบบไร้ความสำเร็จ

เบลเยียม ตกรอบ 16 ทีม ยูโร 2024 ไปด้วยน้ำมือของฝรั่งเศส ซึ่งแน่นอนแล้วว่าทีมที่มีนักเตะชั้นยอดในเกือบทุกตำแหน่ง จะยังคงเป็นทีมที่ไม่มีแชมป์ฟุตบอลรายการเมเจอร์ใดๆ ในประวัติศาสตร์ฟุตบอลของประเทศ

เบลเยียมเคยขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลกมาแล้ว ในฟีฟ่า แรงกิ้ง ระหว่างปี 2019-2021 จนถูกยกให้นักเตะชุดนั้นเป็นยุคทองของวงการฟุตบอลเบลเยียม ที่มีทั้ง เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู, เอเดน อาซาร์, อักเซล วิตเซล, ธิโบต์ กูร์ตัวส์, แยน แฟร์ตองเก้น, โทบี้ อัลเดอไวเรลด์, แว็งซองต์ กอมปานี, มารูยัน เฟลไลนี่

PHOTO : AP

อย่างไรก็ตาม เบลเยียมยุคทองฝากผลงานที่ดีที่สุดไว้ให้กับวงการลูกหนังโลก คือ การได้อันดับ 3 ในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซีย ส่วนในยูโร 3 สมัยหลังสุด ไม่เคยผ่านไปถึงรอบรองชนะเลิศได้เลยด้วยซ้ำไป
ดังนั้นจึงมีการตั้งคำถามอย่างมากมายว่า เบลเยียมล้มเหลวทั้งๆ ที่เป็นยุคทองของวงการฟุตบอลหรือไม่? หรือไม่ก็ ยุคทองของเบลเยียมสิ้นสุดลงแล้วหรือยัง?

Advertisement

เดอ บรอยน์ หนึ่งในนักเตะที่ถูกยกให้เป็นนักเตะที่ดีที่สุดของประเทศนับตั้งแต่มีมา ไม่พอใจกับการตั้งคำถามเหล่านี้ และตั้งคำถามคืนกับนักข่าวที่เขาว่า “อะไรคือยุคทอง และฝรั่งเศส อังกฤษ เยอรมนี ไม่ใช้ยุคทองของพวกเขาเหรอ?”

แน่นอนว่าทุกทีมต่างช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยซุปเปอร์สตาร์ แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด หลังจากนั้นก็มีการเปลี่ยนผ่าน บางทีมก็ยังคงไร้ความสำเร็จ ทีมชาติอังกฤษคือหนึ่งในนั้น บางทีมอาจจะไม่ได้อยู่ในช่วงโกลเด้น เจเนเรชั่น แต่ก็คว้าแชมป์มาได้ อิตาลีชุดแชมป์ยูโร 2020 เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ไปลุยฟุตบอลโลก 2018 เหมือนเป็นยุคมือของวงการลูกหนังออิตาลี แต่ก็ฟื้นขึ้นมาเป็นแชมป์ได้ยูโร 2020 ก่อนจะมาย่ำแย่อีกในยูโรหนนี้

Advertisement

เบลเยียมลงเล่นในยูโร 2024 ทั้งหมด 4 เกม ชนะได้เพียงเกมเดียว และยิงประตูไม่ได้ถึง 3 เกม เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียด ลูกากู กองหน้าคนสำคัญที่ยิงประตูให้ทีมชาติมาถึง 85 ตุง ส่งบอลเข้าประตูไปได้ 3 ครั้ง แต่กลับไม่ได้ประตูเลย เพราะโดนวีเออาร์ริบไปทั้งหมด ทั้งๆ ที่ทุ่มเต็มที่กับทุกแมตช์

หน้าที่ยิงประตูไม่ได้เป็นของลูกากูเท่านั้น แต่คนอื่นๆ ก็ฟอร์มตกไปพร้อมๆ กัน เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่มักจะยิงประตูให้อาร์เซน่อลในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อได้บ่อยครั้ง ไม่สามารถทำกับทีมชาติได้เหมือนตอนเล่นกับสโมสร จนถูกดร็อปในเกมแพ้ฝรั่งเศส ยูรี่ ติเลอมันส์, อมาดู โอนาน่า, เฌเรมี่ โดกู ที่ฟอร์มเปรี้ยงปร้างเหลือเกินกับสโมสร กลับไม่สามารถทำในสีเสื้อเบลเยียมได้

การเปลี่ยนแปลงตัวโค้ชจาก โรเบร์โต้ มาร์ติเนซ มาเป็น โดเมนิโก้ เทเดสโก้ ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้ทีมไม่เหมือนเดิม ในวัย 38 ปี แทบจะไม่เคยมีความสำเร็จในการคุมทีมระดับสโมสรเลย มีเพียงเดเอฟเบ โพคาล กับไลป์ซิก ถ้วยเดียวเท่านั้น และต้องมารับมือกับนักเตะซุป’ตาร์ที่คว้าแชมป์มามากมาย ทำให้เจองานยากกว่าที่ควรจะเป็น แนวทางสำคัญของเขาในการทำทีม คือ การสร้างบรรยากาศที่ดีภายในแคมป์ แต่ก็มักจะมีเสียงวิจารณ์จากทั้งภายในและภายนอกอยู่ตลอด

เบลเยียมเคยมีปัญหาทีมแตกมาก่อน หลังจากทำผลงานน่าผิดหวังในฟุตบอลโลก 2022 นักเตะชื่อดังหลายคนมีปัญหากันเอง ซึ่งหน้าที่สำคัญของเทเดสโก้ จะต้องเชื่อมความสัมพันธ์ของคู่กรณีให้อยู่ด้วยกันได้ สร้างทีมใหม่ด้วยนักเตะหน้าใหม่ ทดแทนหลายคนที่เลิกเล่นไปแล้ว และต้องพาทีมทำผลงานที่ดีได้ด้วย

ความพ่ายแพ้ต่อฝรั่งเศส เทเดสโก้บอกว่าเป็นเรื่องของโชคร้าย เพราะแพ้ด้วยการสกัดเข้าประตูตัวเอง ทั้งๆ ที่ลูกทีมก็เล่นได้ตามแผนกันได้ดีมากแล้ว

อย่างไรก็ตามถ้ามองภาพรวมของทีมอันดับ 3 ของโลกในยูโร 2024 พวกเขาไม่ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนบอล ไม่ได้สร้างความเกรงกลัวให้กับคู่แข่งเหมือนที่เคยเป็น

สุดท้ายแล้ว ยุคทองที่มีนักเตะชั้นยอดล้นทีม ก็ไม่เพียงพอที่จะก้าวไปถึงความสำเร็จ เพราะยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่สำคัญมาก ทั้งเรื่องตัวโค้ช ไอเดีย คู่แข่ง และโชค

เบลเยียมอาจจะก้าวผ่านยุคทองไปแล้ว แต่ถ้าในวันข้างหน้า องค์ประกอบที่ควรจะมีครบถ้วนกว่านี้ พวกเขาอาจจะได้สัมผัสแชมป์แบบที่นักเตะในยุคทองไม่เคยทำได้เลยด้วยซ้ำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image